พลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นพลังงานที่ได้จากสิ่งมีชีวิตหรือสารอินทรีย์ที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานได้ เช่น พืช ซากพืช ซากสัตว์ หรือของเสียจากอุตสาหกรรมเกษตร โดยกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลมีหลายวิธี ได้แก่
1. การเผาไหม้โดยตรง (Direct Combustion)
- นำเชื้อเพลิงชีวมวล เช่น ฟืน แกลบ ชานอ้อย หรือเศษไม้ มาเผาเพื่อผลิตไอน้ำ
- ไอน้ำจะไปหมุนกังหันไอน้ำ (Steam Turbine) และผลิตกระแสไฟฟ้า
- ใช้ในโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดใหญ่
2. การแก๊สซิฟิเคชัน (Gasification)
- เปลี่ยนชีวมวลให้เป็นก๊าซเชื้อเพลิง (Syngas) โดยใช้ความร้อนและปฏิกิริยาเคมี
- ก๊าซที่ได้สามารถนำไปเผาในเครื่องยนต์หรือกังหันก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้า
3. การหมักเพื่อผลิตก๊าซชีวภาพ (Anaerobic Digestion)
- ใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายสารอินทรีย์ เช่น มูลสัตว์ ของเสียจากโรงงานอาหาร หรือเศษอาหาร
- ได้ก๊าซมีเทน (CH₄) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)
- ก๊าซมีเทนสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า
4. ไพโรไลซิส (Pyrolysis)
- ใช้ความร้อนสูงในสภาวะไร้ออกซิเจน ทำให้ชีวมวลสลายตัวเป็นของแข็ง (ถ่านชีวภาพ) ของเหลว (น้ำมันชีวภาพ) และก๊าซ
- น้ำมันชีวภาพและก๊าซสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานไฟฟ้า
ข้อดีของพลังงานชีวมวล
- เป็นพลังงานหมุนเวียนที่ช่วยลดปริมาณขยะชีวภาพ
- ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อบริหารจัดการอย่างเหมาะสม
- กระตุ้นเศรษฐกิจภาคเกษตรและอุตสาหกรรมท้องถิ่น
ข้อจำกัดของพลังงานชีวมวล
- ต้องใช้พื้นที่เพาะปลูกเพื่อผลิตวัตถุดิบ อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร
- การเผาไหม้อาจปล่อยมลพิษ หากไม่มีระบบควบคุมที่ดี
- ต้นทุนเทคโนโลยีบางประเภทอาจสูง
โดยรวมแล้ว พลังงานชีวมวลเป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกที่มีศักยภาพสูง ช่วยลดของเสียและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษวัสดุทางการเกษตร หากมีการจัดการที่ดี ก็สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนในอนาคตได้