การดูแลรักษาระบบไฟฟ้าภายในบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คือคำแนะนำสำหรับการดูแลรักษาระบบไฟฟ้าภายในบ้าน:
- ตรวจสอบสายไฟฟ้า: ควรตรวจสอบสายไฟเป็นประจำว่าสายไฟไม่แตก, หัก, หรือเสียหาย ถ้าพบปัญหาควรซ่อมหรือเปลี่ยนสายไฟทันที
- ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีคุณภาพ: หลีกเลี่ยงการใช้ปลั๊กพ่วงที่ไม่มีคุณภาพหรือเสียหาย เพราะอาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
- ไม่ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเกินกำลัง: อย่าใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟฟ้ามากเกินไปพร้อมกันในปลั๊กเดียวกัน เพราะอาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือทำให้เบรกเกอร์ตัดไฟ
- ตรวจสอบเบรกเกอร์และฟิวส์: ตรวจสอบเบรกเกอร์และฟิวส์เป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง ถ้ามีการตัดไฟบ่อยครั้ง ควรเรียกช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบ
- ทำความสะอาดแผงไฟฟ้า: ควรทำความสะอาดแผงไฟฟ้าภายในบ้านเป็นประจำเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะสมความร้อนและเกิดปัญหาด้านไฟฟ้า
- ติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร: ควรติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร เช่น เบรกเกอร์แบบป้องกันไฟรั่ว หรือ RCD (Residual Current Device) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานไฟฟ้า
- ไม่ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าเองหากไม่มีความรู้: หากพบปัญหาหรือมีความจำเป็นต้องซ่อมแซมระบบไฟฟ้า ควรเรียกช่างไฟฟ้าที่มีใบรับรองให้ทำการซ่อมแซม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสปลั๊กไฟหรือสวิทช์ไฟด้วยมือเปียก: น้ำและไฟฟ้าไม่เข้ากัน การสัมผัสปลั๊กไฟหรือสวิทช์ไฟด้วยมือเปียกอาจทำให้เกิดไฟฟ้าช็อต
การดูแลรักษาระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับไฟฟ้า และช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านได้อีกด้วย