การควบคุมและการป้องกันระบบไฟฟ้า (Protection Systems)

การควบคุมและการป้องกันระบบไฟฟ้า (Protection Systems) เป็นกระบวนการที่ใช้ในการรักษาความเสถียรและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่ออุปกรณ์และโครงข่ายไฟฟ้า การควบคุมและการป้องกันนี้ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้:

องค์ประกอบหลักของระบบป้องกันไฟฟ้า

  1. รีเลย์ป้องกัน (Protective Relays):
    • หน้าที่: ตรวจจับสถานการณ์ผิดปกติ เช่น กระแสเกิน (Overcurrent), แรงดันต่ำ (Undervoltage), หรือการลัดวงจร (Short Circuit) แล้วสั่งตัดวงจรเพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์
    • ประเภทของรีเลย์:
      • รีเลย์กระแสเกิน (Overcurrent Relay): ทำงานเมื่อกระแสไฟฟ้าในระบบสูงกว่าค่าที่ตั้งไว้
      • รีเลย์แรงดัน (Voltage Relay): ตรวจสอบแรงดันในระบบและทำงานเมื่อแรงดันต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป
      • รีเลย์แรงดันผิดปกติ (Differential Relay): ใช้ในการตรวจสอบความแตกต่างของกระแสไฟฟ้าระหว่างสองจุดในระบบ หากพบความผิดปกติจะสั่งตัดวงจร
  2. เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breakers):
    • หน้าที่: ทำหน้าที่ตัดวงจรเมื่อได้รับคำสั่งจากรีเลย์ป้องกันเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นในระบบ เช่น กระแสเกินหรือการลัดวงจร
    • ประเภทของเซอร์กิตเบรกเกอร์:
      • เซอร์กิตเบรกเกอร์แม่เหล็ก (Magnetic Circuit Breaker): ใช้แม่เหล็กเพื่อเปิดวงจรเมื่อกระแสเกิน
      • เซอร์กิตเบรกเกอร์ความร้อน (Thermal Circuit Breaker): ใช้ความร้อนจากกระแสเกินทำให้เบรกเกอร์เปิดวงจร
  3. ฟิวส์ (Fuses):
    • หน้าที่: อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้าโดยการหลอมละลายส่วนประกอบภายในเมื่อเกิดกระแสเกินขึ้น เป็นอุปกรณ์ที่เรียบง่ายและใช้ในหลายระบบไฟฟ้า
    • ข้อดี: ราคาถูกและมีความน่าเชื่อถือในการป้องกันกระแสเกิน
    • ข้อเสีย: ต้องเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่เกิดการทำงาน
  4. สายดินและการป้องกันแรงดันเกิน (Grounding and Surge Protection):
    • สายดิน (Grounding): ระบบสายดินช่วยในการป้องกันไฟฟ้าดูดและป้องกันแรงดันไฟฟ้าที่เกิดจากฟ้าผ่า
    • การป้องกันแรงดันเกิน (Surge Protection): อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเกิน เช่น Surge Arresters ใช้ในการป้องกันอุปกรณ์จากแรงดันไฟฟ้าที่เกิดจากฟ้าผ่า หรือจากการกระชากแรงดันในระบบไฟฟ้า
  5. การป้องกันความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error Protection):
    • อุปกรณ์ควบคุมการเข้าถึง: ใช้เพื่อจำกัดการเข้าถึงของบุคลากรที่ไม่มีความรู้หรืออำนาจในการจัดการระบบไฟฟ้า
    • ระบบอัตโนมัติ: ใช้ระบบอัตโนมัติในการควบคุมและป้องกันระบบไฟฟ้าเพื่อลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์
  6. ระบบ SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition):
    • หน้าที่: ระบบ SCADA ใช้ในการตรวจสอบและควบคุมระบบไฟฟ้าในระยะไกล รวมถึงการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบสถานะของระบบและการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ
    • การแจ้งเตือน: SCADA ช่วยในการแจ้งเตือนเมื่อเกิดสถานการณ์ผิดปกติและสามารถสั่งการรีเลย์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว

วัตถุประสงค์ของการควบคุมและการป้องกันระบบไฟฟ้า

  • การป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์: ป้องกันการเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากกระแสเกิน, การลัดวงจร, หรือแรงดันไฟฟ้าที่ผิดปกติ
  • การรักษาเสถียรภาพของระบบ: ควบคุมการจ่ายไฟฟ้าให้มีความเสถียรและปลอดภัย
  • การป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ: ลดความเสี่ยงต่อผู้ปฏิบัติงานและบุคคลทั่วไปจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากระบบไฟฟ้า
  • การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการระบบไฟฟ้า: ช่วยให้การจัดการและการควบคุมระบบไฟฟ้ามีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การควบคุมและการป้องกันระบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความต่อเนื่องของการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังผู้ใช้งาน

HOTLINE-061-417-5732

https://www.facebook.com/changfidotcom

Line: @changfi

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น