คุณมีความรู้เกี่ยวกับสัญญาณเตือนไฟฟ้ารั่วมากน้อยเพียงใด ไฟฟ้าสามารถรั่วไหลได้เช่นเดียวกับน้ำรั่ว อย่างไรก็ตาม ยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า การที่เกิดไฟฟ้ารั่วหมายความว่า ไฟฟ้ายังคงถูกใช้งานตามปกติ โดยไหลผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นลักษณะที่กระแสไฟฟ้าสามารถรั่วไหลออกจากวงจรไฟฟ้าไปสู่ภายนอกได้ เช่นผิวของสายไฟ โลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งสามารถเกิดได้จากในหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น การเดินระบบไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสื่อมภาพลง
เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ควรเริ่มด้วยการตรวจสอบกล่องฟิวส์หรือแผงเบรกเกอร์ จากนั้นหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า วิธีง่ายๆ คือการใช้ไขควงไฟฟ้าแตะที่ตัวโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า หากมีแสงไฟติด แสดงว่ามีไฟฟ้ารั่ว ให้หยุดใช้งานในทันที หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์เต้ารับไฟฟ้าภายในบ้าน ตามจุดต่างๆ หากสังเกตว่ามีการชำรุดเสียหาย ควรเปลี่ยนใหม่ ตรวจเช็คสายไฟ โดยเฉพาะสายไฟที่ซ่อนตามจุดต่างๆ เพราะอาจจะมีการเสื่อมสภาพ โดยเริ่มจากการปิดสวิตซ์ ถอดปลั๊กอุปกรณ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกจุด และให้สังเกตที่มิเตอร์ หากมีการหมุนอยู่แสดงว่ามีกระแสไฟรั่วอยู่
10 สัญญาณเตือนไฟฟ้ากำลังรั่วที่ไม่ควรเพิกเฉย
1. มีปริมาณสายต่อไฟฟ้ามากเกินไป การใช้สายไฟต่อพ่วงในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดจุดเพิ่มเติมที่สายไฟสามารถหักงอ ลัดวงจร หรือถูกหนีบได้ ส่งผลให้การทำงานของเบรกเกอร์สะดุด ปลั๊กไฟเสียหาย หรือแม้แต่ไฟไหม้ ควรใช้สายไฟต่อเท่าที่จำเป็นและในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น ในช่วงวันหยุด
2. ไฟหรี่หรือไฟกะพริบ เนื่องจากมีการส่งพลังงานไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่เพียงพอ จึงเป็นเหตุให้อุปกรณ์ไฟฟ้ามีพลังงานในการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เห็นได้จากอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่าง เช่น โคมไฟ หรือหลอดไฟนีออนภายในบ้าง นั่นเป็นสัญญาณว่า ระบบส่งพลังงานมีการรั่วไหล หรือชำรุด
3. กลิ่นไหม้ กลิ่นไหม้ กลิ่นควัน หรือกลิ่นแปลก ๆ ที่จุดจ่ายไฟ กลิ่นไหม้หมายความว่า ความเสียหายจากไฟไหม้อาจเริ่มขึ้นแล้ว เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่อาจมีกลิ่นผิดปกติในสองสามครั้งแรกที่เปิดเครื่อง แต่ถ้าตรวจพบกลิ่นแปลกๆ จากเต้าเสียบ ให้ปิดและถอดปลั๊กทุกอย่างที่เชื่อมต่ออยู่ หลีกเลี่ยงการใช้งานอีกจนกว่าจะมีช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบ หากกล่องฟิวส์หรือแผงเบรกเกอร์มีกลิ่นแปลกๆ ให้เรียกช่างไฟฟ้าทันที
4. เกิดประกายไฟ นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก ให้รีบติดต่อช่างไฟฟ้าโดยเร็ว อุปกรณ์ที่เกิดประกายไฟหมายความว่าตัวอุปกรณ์เองเกิดความเสียหาย ซึ่งในกรณีนี้ ควรโทรหาช่างซ่อมอุปกรณ์ เพื่อเข้ามาทำการเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าทันที และตรวจสอบระบบการเดินไฟฟ้าภายในบ้าน
5. การเปลี่ยนสี แผดเผา และควันไฟ หมั่นสังเกตและตรวจสอบจุดจ่ายไฟในบ้าน หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนสีหรือรอยไหม้เกรียมบนเต้ารับ นั่นเป็นสัญญาณว่าสายไฟในบ้านของคุณเสียหายในทางใดทางหนึ่ง และกำลังปล่อยความร้อนออกมา มีโอกาสที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดเพลิงไหม้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจสอบ
6. ฟิวส์ขาดบ่อยหรือเบรกเกอร์สะดุด เป็นเรื่องปกติที่เบรกเกอร์ภายในบ้านจะตัดการทำงาน เมื่อเกิดการใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่มากเกินไป ในกรณีนี้ส่วนใหญ่ สามารถเปิดเครื่องอีกครั้งและทำงานต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม หากเบรกเกอร์ตัดวงจรบ่อยครั้ง หลายครั้งต่อเดือนหรือมากกว่านั้น นั่นเป็นสัญญาณที่แน่นอนว่า เกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว และอาจเป็นอันตรายต่อระบบสายไฟในบ้าน หรือคุณกำลังใช้ปริมาณวงจรนั้นด้วยอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ที่ใช้พลังงานสูงมากเกินไป
7. มีเสียงผิดปกติจากอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลอย่างราบรื่นและเงียบระหว่างการเชื่อมต่อ แต่หากปลั๊กไฟ เต้ารับ หรือลวดที่หลุดลุ่ย อาจทำให้กระแสไฟกระตุกหรือกระชาก ทำให้เกิดเสียงผิดปกติในอุปกรณ์ได้ หากคุณแน่ใจว่าเสียงมาจากเต้าเสียบ ให้หยุดใช้และโทรหาช่างไฟฟ้า
8. ระวังสายไฟที่ขาด มักเกิดจากหนูใช้ฟันแทะ หรือสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้ ส่งผลให้สายไฟเกิดความ เสียหาย ส่งผลให้เกิดไฟช็อตและไฟไหม้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ หากพบหรือสงสัยว่ามีปัญหาในลักษณะนี้ คุณควรติดต่อผู้รับเหมาไฟฟ้าที่ชำนาญ เพื่อตรวจสอบและเปลี่ยนสายไฟที่เสียหายทันที
9. สัมผัสอุปกรณ์เต้าเสียบแล้วรู้สึกอุ่น เมื่อมือสัมผัสโดนจุดติดตั้งระบบไฟฟ้าโครงโลหะ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วรู้สึกว่าถูกไฟดูดอยู่บ่อยๆ อาจเกิดจาก ไฟฟ้ารั่วในวงจรไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ลองทดสอบด้วยการใช้ไขควงวัดไฟ (Test Lamp) แตะที่ของใช้หรือบริเวณที่สงสัย หากมีแสงสีแดงหรือไฟสว่างขึ้นที่ไขควง แสดงว่าเกิดไฟฟ้ารั่วจากเครื่องใช้ไฟฟ้าในจุดนั้น หรือบางครั้งอาจเกิดไฟตกที่เป็นสัญญาณเตือนอีก
10. ค่าไฟสูงขึ้นผิดปกติ หากพบว่าค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างผิดปกติมาก ให้ลองตรวจสอบด้วยการสังเกตการหมุนของมิเตอร์ว่ามีความเร็วสม่ำเสมอหรือไม่ หรือทำการทดสอบด้วยการจดเลขมิเตอร์ไว้ก่อน จากนั้นปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในบ้านโดยไม่ต้องดึงคัทเอาท์หรือเบรกเกอร์ลงแล้วให้สังเกตที่มิเตอร์ของที่บ้านว่าแผ่นจานภายในมิเตอร์นั้นหมุนหรือไม่ ถ้าแผ่นจานภายในมิเตอร์ยังหมุนอยู่หรือทิ้งไว้สักพักแล้วค่าตัวเลขมิเตอร์ขยับเพิ่มขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ภายในบ้านของเรามีกระแสไฟฟ้ารั่วเกิดขึ้น
ปัญหาไฟฟ้ารั่วนั้นถือเป็นอุบัติเหตุภายในบ้าน ที่อาจรุนแรงจนถึงชีวิตได้ ดังนั้น ควรหมั่นตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยจากเหตุที่เราสามารถป้องกันได้ ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว หรือสายไฟภายในบ้านขาด ซึ่งเพื่อความปลอดภัยจึงควรมีการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ ฯลฯ อยู่เสมอ
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ผู้เขียน ผู้เขียน มิ่งสุดา โสมะฐิติ
ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ