อันตรายของไฟฟ้าต่อร่างกายของเรา
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ไฟฟ้าเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินชีวิต เนื่องจากในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ต้องมีการเกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา และเป็นที่ทราบกันดีว่า ไฟฟ้ามีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์เช่นกัน อันตรายที่เกิดขึ้นจากไฟฟ้ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งจากการปฏิบัติงานกับอุปกรณ์หรือวงจรไฟฟ้าโดยตรง หรือจากการใช้อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอื่น ๆ
กรณีแรกจะกล่าวถึงกรณีไฟฟ้าดูด คือ การที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย สาเหตุที่เรียกว่า ไฟฟ้าดูด เป็นการเรียกจากอาการเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย จะเกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อจนไม่สามารถสะบัดให้หลุดออกมาได้ คล้ายกับถูกดูดให้ติดกับที่ จึงเรียกว่า “ไฟฟ้าดูด” ซึ่งผลข้างเคียงของไฟฟ้าดูด ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระตุกหรือเกิดอาการหดตัว อาการเช่นนี้จะพบเมื่อเวลาที่เผลอไปจับต้องสิ่งที่มีไฟฟ้ารั่วอยู่จะรู้สึกมีอาการกระตุกทันที แต่ถ้าหากต้องอยู่ในสภาพที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวอยู่ต่อไป กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ จะหดตัว มีอาการเกร็ง หรือส่งผลให้ระบบประสาทเกิดอาการชะงักงันไปชั่วขณะหนึ่ง มีอาการกระตุกอย่างแรง หมดความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อในส่วนที่มีกระแสไฟฟ้าไหล ไม่สามารถที่จะสลัดหลุดได้ ระบบประสาทส่วนกลางที่ควบคุมการทำงานของหัวใจจะเป็นอัมพาตชั่วคราว มีผลทำให้การทำงานของหัวใจล้มเหลว
กรณีที่สอง ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้า เป็นลักษณะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย แต่ไม่ผ่านลงดิน ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะกระแสไฟฟ้ามีผลต่อระบบหายใจ การทำงานของหัวใจ และระบบประสาท ดังนั้น ถ้าเส้นทางของกระแสไฟฟ้าผ่านสมอง หัวใจ และปอด ย่อมเป็นอันตรายมาก หัวใจเกิดอาการเดินเร็ว ถี่รัว หรือเต้นกระตุก ผลจากการที่กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายมีปริมาณมาก จะทำให้หัวใจเต้นรัวประมาณ 120 – 130 ครั้งต่อนาที และส่งผลให้การเต้นหรือการหดตัวและขยายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจเปลี่ยนไปเป็นการเต้นในจังหวะขยายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจจะเปลี่ยนไปเป็นการเต้นในจังหวะที่ผิดปกติ เช่น มีอาการกระตุก หรือ มีการเต้นถี่รัว แต่เป็นการเต้นที่อ่อนการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจึงทำได้ไม่เต็มที่ ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะส่วนสมอง ต่อมาหัวใจก็จะหยุดเต้นจนถึงแก่ชีวิต หรือกระทั่งทำให้หัวใจหยุดทำงานทันที
กรณีที่สาม อันตรายจากแสงจ้า เสียงดัง หรือประกายไฟ จากการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดแผลไหม้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านเข้าไปในร่างกาย ทำให้เกิดแผลไหม้บริเวณกระแสไฟฟ้าเข้าและกระแสไฟฟ้าออก ถ้าเป็นไฟฟ้ากระแสตรงจะมีอันตรายน้อยกว่าไฟฟ้ากระแสสลับถึง 3 เท่า ทั้ง ๆ ที่ความเข้มของไฟฟ้าเท่าเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายถูกทำลายจากการโดนประกายไฟหรือแสงจ้า ขณะเกิดประกายไฟ เนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายถูกทำลาย เป็นผลจากความร้อนที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า ทำให้เกิดบาดแผลได้ บาดแผลไหม้จะรุนแรงเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของกระแสไฟฟ้า เพราะถ้ากระแสไฟฟ้ามีปริมาณมาก ความร้อนที่เกิดจะมีปริมาณมากด้วย ผู้ที่ได้รับอันตรายจากความร้อนเนื่องจากกระแสไฟฟ้า ถ้าไม่เสียชีวิต ก็มักจะพิการ สูญเสียอวัยวะที่เกิดบาดแผลไหม้ และผลจากกระแสไฟฟ้า ซึ่งสาเหตุมักเกิดจากแสงสว่างที่มีความเข้มสูง จากการเชื่อมโลหะหรือประกายไฟที่เกิดจากการลัดวงจร ประกายไฟหรือแสงสว่างนี้จะทำอันตรายต่อดวงตา อาจทำให้ตาอักเสบหรือตาบอด
ปัจจุบันไฟฟ้ามีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ รวมไปถึงงานในด้านอุตสาหกรรม และธุรกิจต่าง ๆ ไฟฟ้ามีประโยชน์มากมายก็จริง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีอันตรายอยู่ในตัวของมันเอง เปรียบเสมือนดาบสองคม ถ้ารู้จักใช้ก็จะได้ประโยชน์มหาศาล ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจจะได้รับอันตรายถึงชีวิต เกิดการบาดเจ็บ ไปจนถึงขั้นพิการ ดังนั้น เราจึงควรที่จะเข้าใจและมีควมรู้พื้นฐานในด้านของความปลอดภัยในการใช้งานไฟฟ้าไว้บ้าง เพราะความประมาทหรือเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็อาจนำมาสู่ความหายนะ และการสูญเสียต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเรา
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ผู้เขียน มิ่งสุดา โสมะฐิติ
ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ