Distributed Generation คือ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่มีการรวมเทคโนโลยีหลากหลายเข้ามา ซึ่งมีการกระจายไฟฟ้าไปตามสถานีไฟฟ้าย่อยแบบกระจายโดยไร้ทิศทาง โดยใช้พลังงานหมุนเวียนจากหลาย ๆ แห่ง อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือ พลังงานน้ำ มาปรับเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และพัฒนาให้ระบบไฟฟ้าสามารถตอบสนองได้อย่างถูกจุดประสงค์ และใช้ทรัพยากรน้อยลง เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งมีความปลอดภัย ยั่งยืน และมีความรักษ์โลก
Distributed Generation นั้นใช้การลงทุนต่อหนึ่งโครงการค่อนข้างต่ำ และใช้เวลาก่อนสร้างไม่นาน แม้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองต่ำกว่า แต่การแก้ปัญหาก็มีเพียงการเพิ่มจำนวนโรงงานไฟฟ้าให้มากขึ้น ซึ่งก็นับว่าเป็นข้อดีอยู่ดี เนื่องจากต่อให้โรงงานไฟฟ้าหยุดผลิตหนึ่งโรงก็ยังนับเป็นปริมาณที่ไม่มาก อีกทั้งยังสามารถก่อสร้างในพื้นที่ที่ระบบสายส่งไฟฟ้ายังไปไม่ถึงได้ ทำให้ประหยัดและทุนไม่จม ทั้งยังสามารถใช้ได้ถึง 20 ปี แต่ Distributed Generation จำเป็นต้องมีระบบมาส่งหรือจ่ายไฟฟ้าด้วย โดยในต่างประเทศนั้นจะใช้เป็น Micro Grid หรือ Smart Grid นั่นเอง
DistributedGeneration นั้นมีข้อดีตรงที่สามารถใช้พลังงานทดแทนในการกระจายพลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่งสามารถช่วยเหลือหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญได้ หรือไม่สามารถหาแหล่งเชื้อเพลิงได้ อีกทั้งยังลดความต้องการไฟฟ้าลง แต่แน่นอนว่าการผลิตไฟฟ้าที่มีลักษณะกระจายตัวไม่รวมศูนย์ (Decentralized Power System) ต้องมีจำนวนโรงไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตไม่สูง แต่มีเป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วไป (Distributed Generation : DG) อีกทั้ง Micro Grid หรือ Smart Grid มีราคาค่อนข้างสูง จึงเป็นเรื่องของอนาคตแล้วว่าประเทศไทยจะใช้ Distributed Generation ไปในทิศทางใดนั่นเอง
ผู้เขียน : ขวัญหทัย ลิ้มประเสริฐ
ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ
