ในปัจจุบัน เทคโนโลยีภายในโลกของเรานั้นมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์สื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่น สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต โดยเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักจะคำนึงกันมากที่สุดเกี่ยวกับอุปกรณ์ประเภทนี้ นอกจากสเปคและฟังก์ชันในการใช้งานทั่ว ๆ ไป เห็นทีว่าจะหนีไม่พ้นในเรื่องของแบตเตอรี่และการชาร์จ
จึงทำให้ในปัจจุบัน ผู้ผลิตและผู้พัฒนาอุปกรณ์จำพวกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้น หันมาใส่ใจในเรื่องของแบตเตอรี่และการชาร์จที่ให้ความรวดเร็วแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จากตรงนี้เอง จึงทำให้โลกของเรานั้นได้ถือกำเนิดเทคโนโลยีชนิดหนึ่งขึ้นมา ที่ทำให้การชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และเทคโนโลยีที่ว่านั่นก็คือ “Fast Charge” นั่นเอง
Fast Charge (ฟาสชาร์จ) เป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่รูปแบบใหม่ ที่มีความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้รับปริมาณของไฟหรือพลังงานที่มากขึ้น แต่ใช้ระยะเวลาในการชาร์จที่น้อยลง โดยผู้ที่คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาเป็นเจ้าแรก นั่นก็คือ บริษัท Qualcomm (ควอลคอมม์) โดยในปัจจุบัน เทคโนโลยี Fast Charge นั้นได้รับการพัฒนาระบบไปถึงรุ่นที่ 3 แล้ว โดยการทำงานของระบบ Fast Charge นั้นจะเป็นการจ่ายไฟที่ทำงานร่วมกันกับซีพียู ผ่านการปรับแต่งกระแสไฟ ในช่วง 3.6 โวลต์ ถึง 20 โวลต์ เข้าสู่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง สมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต
แต่ก็ใช่ว่าเทคโนโลยี Fast Charge นั้นจะมีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว เนื่องจากระบบ Fast Charge นั้นเป็นระบบที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เยอะมากพอสมควร มันจึงส่งผลให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ของเรานั้นทำงานหนักตามไปด้วยเช่นเดียวกันในเวลาที่ทำการชาร์จ ซึ่งการทำงานหนักนั่นเองที่ส่งผลทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เกิดความร้อนขึ้นมา ดังนั้น ในระหว่างที่เราทำการชาร์จสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตด้วยเทคโนโลยี Fast Charge เราจึงไม่ควรใช้งานอุปกรณ์ เนื่องจากมันจะทำให้เครื่องนั้นมีการสะสมความร้อนเอาไว้มาก และอีกถ้าหากเราทำพฤติกรรมเช่นนี้ต่อเนื่องกันไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเรานั้นพังได้เลย