พัดลม เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในครัวเรือนกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยคลายความร้อนให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน และช่วยระบายความร้อนที่มีอยู่ภายในบ้านให้ลดลง อีกทั้งพัดลมยังเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าดับร้อน ที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่น้อยกว่าเครื่องปรับอากาศ ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับไฟฟ้าภายในบ้านอีกด้วย
โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านส่วนใหญ่ เมื่อมีการใช้งานไปในระยะเวลาหนึ่ง ก็อาจจะทำให้เกิดการชำรุดเสียหายขึ้นได้ โดยเฉพาะกับพัดลม ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มักจะมีปัญหาในเรื่องของการใช้งานไปสักพัก อยู่ดี ๆ พัดลมก็ดันไม่หมุนเสียอย่างนั้น
วันนี้เราเลยจะมาบอกเล่าถึง สาเหตุที่ทำให้พัดลมไม่หมุน กัน
- แกนหมุนของใบพัดไม่สะอาด
อาจเกิดจากแกนใบพัดของพัดลมนั้นมีสิ่งสกปรกติดอยู่ เช่น ฝุ่น เส้นผม หรือ ขนสัตว์ เข้าไปติดอยู่ภายในแกนหมุน ทำให้พัดลมหมุนช้า ซึ่งสาเหตุนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแค่ถอดออกใบพัดออกมาทำความสะอาด ก็สามารถนำกลับไปใช้ได้ตามปกติ
- บุชและแกนหมุนเสื่อม
บุช เป็นอุปกรณ์ที่อยู่บริเวณข้างหน้าของมอเตอร์ ที่มีลักษณะเป็นวงกลมครอบอยู่ที่แกนหมุนของพัดลม หากเราทำความสะอาดแกนหมุนของใบพัด และหยอดน้ำยาอเนกประสงค์เรียบร้อยแล้ว แต่พัดลมก็ยังไม่หมุนอยู่ดี ปัญหานี้อาจเกี่ยวกับแกนหมุนของใบพัด หรือ บุชนั้นมีการเสื่อมสภาพ โดยเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยการเปลี่ยนบุชใหม่
- มอเตอร์มีปัญหา
โดยปัญหานี้สามารถสังเกตได้จาก เสียงมอเตอร์ที่เงียบ หรือ แทบจะไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์ในเวลาทำงาน ซึ่งหากมีอาการแบบนี้เกิดขึ้น เราจำเป็นที่จะต้องทำการเปลี่ยนมอเตอร์ใหม่ แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยนิยมเปลี่ยนมอเตอร์ของพัดลม เนื่องจากมันมีราคาที่สูง อีกทั้งยังไม่คุ้มที่จะซ่อม เพราะเพิ่มเงินอีกไม่เท่าไร ก็สามารถซื้อพัดลมเครื่องใหม่ได้แล้ว
เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุที่ทำให้พัดลมไม่หมุนแล้ว เรามาเรียนรู้ วิธีการซ่อมแซมพัดลมที่ไม่หมุน ที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ กัน
- ทำความสะอาดพัดลม
1.1) เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ ได้แก่ แปรงสีฟัน ผ้าแห้ง น้ำสะอาด และน้ำยาทำความสะอาด
1.2) แกะตะแกรงพัดลมออก และแกะอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกตามลำดับ จากนั้นถอดตัวล็อคใบพัดออก แล้วหมุนใบพัดลมออก ถอดตัวล็อคตะแกรง และถอดตะแกรงด้านหลังออก
1.3) ทำความสะอาดตะแกรงและชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยการใช้แปรงสีฟันขัดคราบสิ่งสกปรกออกให้เรียบร้อย
1.4) นำผ้าแห้งที่เตรียมไว้มาเช็ดตะแกรง และชิ้นส่วนอื่น ๆ ของอุปกรณ์ให้แห้ง แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิท จากนั้นทาด้วยน้ำมันหล่อลื่น (น้ำมันเครื่องเก่า หรือ น้ำมันหยอดจักร)
1.5) นำชิ้นส่วนทั้งหมดมาประกอบกัน ไล่จากตะแกรงหลัง ตัวล็อกตะแกรงหลัง ใบพัด ตัวล็อกใบพัด และตะแกรงหน้า ตามลำดับ
1.6) หมุนล็อคชิ้นส่วนของพัดลมให้แน่นทุกชิ้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
- การเปลี่ยนบุช
2.1) เตรียมเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ ได้แก่ ไขควงแฉก คัตเตอร์ หัวแร้ง และตะกั่วบัดกลี
2.2) ถอดชิ้นส่วนของพัดลมออก โดยเริ่มจากขันน็อตที่อยู่บริเวณหลังพัดลม โดยตัวบุชจะอยู่บริเวณมอเตอร์ เป็นลักษณะคล้าย ๆ กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จากนั้นปลอกสายไฟ เพื่อทำการบัดกลี โดยขั้นตอนนี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก เพื่อไม่ให้ไปโดนส่วนอื่น ๆ ของสายไฟ โดยเราควรใช้หัวแร้งเป็นตัวช่วย ในกรณีที่ไม่มีหัวแร้ง เราสามารถพันเองด้วยมือได้ เพียงแต่จะต้องพันให้แน่น หลังจากนั้นค่อยพันด้วยเทปพันสายไฟตาม
2.3) ใส่อุปกรณ์ที่ถอดออกมา กลับเข้าที่ให้เรียบร้อย และนำบุชอันใหม่มาใส่ตรงที่เดิม จากนั้นขันน็อตกลับตามเดิมให้เรียบร้อย
- การเลือกชนิดของมอเตอร์
โดยมอเตอร์ของพัดลมที่นิยมใช้ มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ดังนี้
3.1) มอเตอร์ชนิด AC
เป็นมอเตอร์ที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด และมีราคาที่ไม่สูงมาก คนส่วนใหญ่นิยมนำมอเตอร์ชิดนี้มาใช้กับพัดลมรุ่นเก่า ๆ เนื่องจากมันเป็นมอเตอร์ที่ใช้งานง่าย ฟังก์ชั่นในการใช้งานไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังเหมาะกับการใช้งานที่ไม่หนักมากอีกด้วย
3.2) มอเตอร์ชนิด DC
เป็นมอเตอร์ชนิดที่ได้รับมาตรฐาน เนื่องจากมันเป็นมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดี มีความทนทาน สามารถทนต่อการใช้งานหนัก ๆ ได้อย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง โดยข้อดีอีกหนึ่งอย่างของมอเตอร์ชนิดนี้ก็คือ มันช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มาก อีกทั้งมอเตอร์ชนิดนี้ยังมีเสียงที่เงียบในเวลาทำงานอีกด้วย