จากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ทำให้หลาย ๆ จังหวัดในประเทศไทยประสบกับเหตุการณ์อุทกภัย (น้ำท่วม) ซึ่งนอกจากที่จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตแล้ว ยังอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินอีกด้วย
โดยเฉพาะกับไฟฟ้าซึ่งเป็นอันตรายอันดับแรก ๆ เลย หากมันอยู่บริเวณใกล้เคียงกับที่ที่มีแหล่งน้ำท่วมขัง ดังนั้น เราจึงควรที่จะรู้วิธีในการรับมือต่าง ๆ ในการใช้ไฟฟ้าในเวลาที่เกิดน้ำท่วม
ข้อปฏิบัติก่อนเกิดน้ำท่วม
- เคลื่อนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง เช่น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า พัดลม และควรจัดวางในพื้นที่ที่มั่นคง ป้องกันเครื่องใช้ไฟฟ้าตกหล่นลงไปในน้ำ
- ตัดวงจรไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องปั๊มน้ำ
- ยกระดับของปลั๊กไฟให้สูงขึ้นจากพื้น ในกรณีที่ไม่สามารถยกระดับปลั๊กไฟได้ให้ทำการตัดวงจรไฟฟ้าเต้ารับ และขั้นตอนนี้ขอแนะนำว่าควรให้ช่างไฟฟ้าเป็นฝ่ายดำเนินการตัดวงจรไฟฟ้าจะเป็นการดีที่สุด
- ตัดวงจรไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดทั้งภายในและภายนอกบริเวณบ้าน
- ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วที่แผงเมนสวิตช์
ข้อปฏิบัติขณะเกิดน้ำท่วม
- หากยืนอยู่ในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ไม่ควรทำการเปิดสวิตช์หรือเสียบปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ เป็นอันขาด
- อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้ทำการเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัย ก่อนที่จะใช้งานอีกครั้ง ควรจัดวางให้อยู่ในที่ที่มั่นคง เพื่อเป็นการป้องกันการตกหล่นลงไปในน้ำ
- หากพบเห็นสายไฟหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแช่อยู่ในน้ำ ห้ามเข้าใกล้หรือไปสัมผัสเด็ดขาด
- กรณีที่ต้องการใช้เครื่องสูบน้ำ ควรติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วก่อน เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดไฟช็อตหรือไฟดูด ในขณะที่ทำการสูบน้ำออกจากบ้าน
ข้อปฏิบัติหลังการเกิดน้ำท่วม
- ควรตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ก่อนว่ายังมีกระแสไฟไหลเวียนอยู่หรือไม่ และแนะนำว่าควรให้ช่างไฟฟ้าหรือผู้เชี่ยวชาญ เข้ามาตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนที่จะนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง
ข้อควรระวังอื่น ๆ
- หากพบเห็นผู้ที่ถูกไฟดูด อย่าใช้มือเปล่าหรือวัตถุที่เป็นตัวนำไฟฟ้าไปสัมผัสโดยตรง ควรใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น ผ้า ไม้แห้ง เชือกแห้ง พันมือให้หนาแล้วผลักหรือดึงตัวผู้ประสบอันตรายให้หลุดออกมาโดยเร็วที่สุด หรือจะใช้ผ้าคล้องที่มือแล้วทำการปลดสวิตช์ไฟฟ้าก็ได้เช่นกัน
- หากพบเห็นสายไฟฟ้าขาด เสาไฟฟ้าล้ม หรือ สายไฟฟ้าขาดแช่น้ำ พยายามอย่าไปเข้าใกล้หรือสัมผัสโดยตรง แต่ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด