สายไฟ เป็นวัสดุที่ประกอบไปด้วยธาตุโลหะที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดี เนื่องจากเนื้อโลหะจะมีความแข็งและเหนียวโดยเฉพาะทองแดง ซึ่งในปัจจุบันวัสดุที่นิยมใช้ทำตัวนำไฟฟ้าคือสายทองแดงและสายอลูมิเนียม โดยสายไฟจะทำหน้าที่ส่งผ่านพลังงานหรือสัญญาณไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะในระบบการส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไฟฟ้าไปยังผู้ใช้งานไฟฟ้าโดยผ่านระบบสายส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า ทั้งในระบบแรงดันสูง แรงดันปานกลาง และแรงดันต่ำ นอกจากนี้สายไฟฟ้ายังถูกนำไปใช้ในระบบการสื่อสารและโทรคมนาคม รวมถึงระบบควบคุมในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย ซึ่งสายไฟแต่ละชนิดจะได้รับการออกแบบแตกต่างกันออกไปตามโครงสร้างและคุณสมบัติของการใช้งาน เช่น
- สายที่ประกอบไปด้วยตัวนำไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (Conductor)
- สายที่ประกอบด้วยฉนวนหุ้มตัวนำไฟฟ้า (Insulation)
- สายที่ประกอบด้วยเปลือกหุ้มหรือชั้นป้องกันเสริมเป็นส่วนประกอบอยู่ภายใน (Sheath)
ส่วนสายไฟที่นิยมใช้กันในบ้าน,อาคารและอุตสาหกรรม ได้แก่ THW, VAF, VCT, NYY
- THW ลักษณะของสายจะเป็นสายแกนเดี่ยว ตัวสายทนแรงดันได้ 450/750V โดยส่วนมากจะนิยมใช้เดินร้อยท่อ แต่ก็สามารถใช้เดินทั่วไปหรือเดินลอยในอากาศได้
- VAF เป็นสายที่นิยมใช้กันตามบ้านทั่วไป ตัวสายจะทนอุณหภูมิได้ไม่เกิน 70°C และทนแรงดันได้ 300/500V นิยมนำมาใช้เดินลอยตีกิ๊บหรือเข็มขัดรัดสายกันภายในอาคาร
- VCT ใช้เดินสายทั่วไป เช่นร้อยท่อ เดินในราง เดินตีกิ๊บ ฝังดิน หรือจะร้อยท่อฝังดิน ในท้องตลาดจะมีขาย 3 แบบใหญ่ๆ คือ แกนเดี่ยว, หลายแกน และหลายแกนมีสายดิน
- NYY สายเดินฝังดินหรือเดินบนราง สายถูกออกแบบมาให้มีฉนวนหุ้ม 2 ชั้น ทำให้มีความคงทนสูง ทนแรงดันได้ 450/750V และทนความร้อนได้ 70°C โดยมีทั้งแบบแกนเดียว, แบบหลายแกน และแบบหลายแกนมีสายดิน