ในปัจจุบันประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้าและเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะค่าเชื้อเพลิงไม่แพงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยการใช้งานรถไฟฟ้าจำเป็นมีสถานีชาร์จไฟ
(EV Charger) ทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับตัวรถยนต์โดยสามารถแบ่งการชาร์จได้เป็นสองประเภท
- Normal Charge เป็นการชาร์จด้วยไฟ AC โดยชาร์จผ่าน On Board Charger ที่อยู่ภายในตัวรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทำหน้าที่ในการแปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC จะแบ่งเป็นสองแบบ คือ
– แบบเครื่องชาร์จ Wall Box จะอยู่ตามห้างสรรพสินค้า , โรงแรมระยะเวลาการชาร์จประมาณ 4-7 ชั่วโมง
-แบบชาร์จต่อจากไฟบ้านโดยตรง ซึ่งมิเตอร์ของไฟบ้านต้องรองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำ 15 (45) A และเต้ารับต้องเป็นเต้ารับเฉพาะสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การติดตั้งต้องได้รับมาตราฐานจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านไฟฟ้าและความปลอดภัยในการใช้งานระยะยาว
2. Quick Charge จะเป็นการชาร์จโดยใช้ตู้ EV Charger (สถานีชาร์จรถไฟฟ้า)
ที่แปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC แล้วจ่ายไฟ DC เข้าที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จจะน้อยกว่าแบบ Normal Charger สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จาก 0% – 80% ได้ในเวลาประมาณ 40-60 นาที (ขึ้นอยู่กับความจุพลังงานแบตเตอรี่ กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการชาร์จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วน
การเลือกใช้งาน EV charger มีให้เลือกตามลักษณะการใช้งาน โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้งานตามความเหมาะสม ข้อดีของการชาร์จ Normal charger คือมีขนาดเล็กใช้พื้นที่ในการติดตั้งเพียงเล็กน้อย แต่จะมีข้อเสียคือมีระยะเวลาในการชาร์จที่นานกว่าแบบ Quick Charge เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่เร่งรีบและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ส่วนการชาร์จแบบ Quick Charge เป็นการชาร์จที่ไวที่สุด จะใช้ตู้EV charger ใช้เวลาน้อยกว่าเหมาะกับสถานะการเร่งรีบ การใช้งานตู้EV charger จะมีให้ใช้งานตามจุดต่างๆ
ผู้เขียน : จิรัชญา มูลงาม
ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ