
ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่หากใช้งานอย่างไม่ระมัดระวัง อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ โดยเฉพาะปัญหาไฟดูดและไฟฟ้าลัดวงจรที่เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุไฟฟ้าหลายกรณี เจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีต่อไปนี้:
- ใช้เบรกเกอร์และฟิวส์ที่เหมาะสม: ตรวจสอบว่าแผงควบคุมไฟฟ้าในบ้านมีเบรกเกอร์หรือฟิวส์ที่รองรับโหลดไฟฟ้าอย่างเพียงพอ
- อย่าเสียบปลั๊กเกินกำลังไฟ: หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กหลายตัวเข้ากับเต้าเสียบเดียวกัน เพราะอาจทำให้สายไฟร้อนเกินไปและเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
- หมั่นตรวจสอบสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า: สายไฟที่เปื่อยหรือชำรุดอาจเป็นสาเหตุของไฟฟ้าดูดหรือเกิดไฟไหม้ได้
เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD/GFCI) จำเป็นแค่ไหน?
เครื่องตัดไฟรั่ว หรือที่เรียกว่า RCD (Residual Current Device) และ GFCI (Ground Fault Circuit Interrupter) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันไฟดูด โดยตัดกระแสไฟฟ้าทันทีที่ตรวจพบกระแสไฟรั่ว แม้จะเป็นปริมาณเล็กน้อยก็ตาม การติดตั้ง RCD/GFCI มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น:
- ห้องน้ำและห้องครัว ที่มีน้ำและความชื้นสูง
- บริเวณกลางแจ้ง เช่น สวน หรือพื้นที่ติดตั้งไฟภายนอกอาคาร
- จุดติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังสูง เช่น เครื่องซักผ้า หรือเครื่องทำน้ำอุ่น
วิธีเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าเก่าให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเสื่อมสภาพและเป็นอันตรายได้ การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าดูดและไฟฟ้าลัดวงจร โดยสามารถตรวจสอบได้ดังนี้:
- ตรวจสอบสายไฟ: ดูว่าสายไฟมีรอยแตก เปื่อย หรือฉีกขาดหรือไม่ หากพบปัญหาควรเปลี่ยนทันที
- เช็คเต้าเสียบและปลั๊กไฟ: หากเต้าเสียบมีรอยดำหรือเกิดความร้อนขณะใช้งาน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางไฟฟ้า
- ทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า: ใช้มัลติมิเตอร์วัดกระแสไฟรั่ว หรือทดสอบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนใช้งาน
- เรียกช่างไฟฟ้าตรวจสอบเป็นระยะ: หากพบปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าในบ้าน ควรปรึกษาช่างไฟฟ้าที่มีใบรับรองเพื่อความปลอดภัย
สรุป
การป้องกันไฟดูดและไฟฟ้าลัดวงจรไม่ใช่เรื่องยาก หากเจ้าของบ้านให้ความสำคัญกับการดูแลระบบไฟฟ้าอย่างถูกต้อง การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว (RCD/GFCI) และการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าเก่าเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางไฟฟ้าและทำให้การใช้ไฟฟ้าในบ้านปลอดภัยยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

