ไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Electricity) เป็นปรากฏการณ์ทางไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการสะสมของประจุไฟฟ้าบนพื้นผิวของวัตถุโดยไม่มีการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้า ประจุไฟฟ้าสถิตสามารถเกิดขึ้นได้จากการเสียดสี การสัมผัส หรือการเหนี่ยวนำระหว่างวัตถุที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า เมื่อวัตถุสองชนิดสัมผัสหรือถูกัน ประจุไฟฟ้าจะถูกถ่ายโอนระหว่างวัตถุ ทำให้วัตถุหนึ่งมีประจุบวกและอีกวัตถุหนึ่งมีประจุลบ
การเกิดไฟฟ้าสถิต
- การเสียดสี (Frictional Charging) – เกิดจากการที่วัตถุสองชนิดถูกัน ทำให้เกิดการถ่ายโอนอิเล็กตรอน เช่น การถูหวีพลาสติกกับเส้นผม หรือการถูบอลลูนกับเสื้อผ้า
- การสัมผัส (Contact Charging) – เกิดขึ้นเมื่อวัตถุสองชนิดสัมผัสกันและมีการแลกเปลี่ยนประจุ เช่น เมื่อสัมผัสกับลูกบิดประตูโลหะแล้วเกิดประกายไฟ
- การเหนี่ยวนำ (Induction Charging) – เกิดขึ้นเมื่อวัตถุมีประจุไฟฟ้าเข้าใกล้วัตถุที่เป็นกลาง ทำให้เกิดการกระจายตัวของประจุโดยไม่ต้องสัมผัสกันโดยตรง
ตัวอย่างของไฟฟ้าสถิตในชีวิตประจำวัน
- การเกิดประกายไฟเมื่อถอดเสื้อไหมพรมในที่มืด
- การดูดติดของกระดาษหรือเส้นผมกับหน้าจอทีวีเก่า
- ฟ้าผ่า ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของไฟฟ้าสถิตที่เกิดจากการสะสมประจุระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน
ผลกระทบของไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิตอาจก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบ ในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น การผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์หรือโรงงานเคมี ไฟฟ้าสถิตอาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือเป็นสาเหตุของการระเบิดได้ ในขณะที่ในเชิงบวก ไฟฟ้าสถิตถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรม เช่น เครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องพ่นสีไฟฟ้าสถิต
วิธีป้องกันและลดผลกระทบของไฟฟ้าสถิต
- ใช้สายดินเพื่อถ่ายเทประจุไฟฟ้า
- เพิ่มความชื้นในอากาศเพื่อลดการสะสมประจุไฟฟ้าสถิต
- ใช้สารป้องกันไฟฟ้าสถิตหรืออุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิต เช่น แถบข้อมือป้องกันไฟฟ้าสถิต
- สวมรองเท้าหรือใช้พื้นป้องกันไฟฟ้าสถิตในสถานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงสูง
ไฟฟ้าสถิตเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันและมีผลกระทบทั้งในแง่ดีและแง่ลบ ดังนั้น การเข้าใจหลักการของไฟฟ้าสถิตและวิธีป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ประโยชน์และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

