ระบบโซล่ารูฟท็อป (Solar Rooftop) เหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้:
🏠 เจ้าของบ้าน
- ต้องการลดค่าไฟระยะยาว
- มีพื้นที่หลังคาว่างที่รับแสงแดดได้ดี
- ใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันเป็นหลัก
🏢 ธุรกิจและอุตสาหกรรม
- โรงงาน, คลังสินค้า, ห้างสรรพสินค้า ที่มีค่าไฟสูง
- บริษัทที่ต้องการลดต้นทุนและใช้พลังงานสะอาด
- ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม (Green Business)
🏘️ โครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม
- หมู่บ้านจัดสรรที่ต้องการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในส่วนกลาง
- คอนโดที่มีพื้นที่ดาดฟ้าเพียงพอสำหรับติดตั้งระบบ
🌾 เกษตรกรและฟาร์ม
- ฟาร์มที่ใช้ไฟฟ้าในการสูบน้ำ, ระบบทำความเย็น, หรือเครื่องจักร
- ต้องการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในระยะยาว
🎯 ใครที่อาจไม่เหมาะสม?
- บ้านหรืออาคารที่มีร่มเงามาก เช่น ต้นไม้ใหญ่, ตึกสูงบัง
- ผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนล่วงหน้าหรือไม่มีงบประมาณเพียงพอ
- บ้านที่มีโครงสร้างหลังคาไม่รองรับน้ำหนักแผงโซลาร์เซลล์
หากสนใจติดตั้ง ควรศึกษาข้อมูลด้านงบประมาณ ผลตอบแทน และข้อกำหนดจากการไฟฟ้าด้วย 😊
ข้อดีของการติดตั้งโซล่ารูฟท็อป
- ลดค่าไฟฟ้า – สามารถลดค่าไฟได้มากถึง 30-70% ขึ้นอยู่กับขนาดระบบและปริมาณการใช้ไฟฟ้า
- คืนทุนเร็ว – โดยทั่วไปใช้เวลาคืนทุนประมาณ 5-7 ปี และระบบสามารถใช้งานได้ 25 ปีขึ้นไป
- พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และช่วยลดภาวะโลกร้อน
- สามารถขายไฟคืนให้รัฐ (Net Metering / Net Billing) – ระบบสามารถส่งไฟฟ้าส่วนเกินกลับเข้าระบบการไฟฟ้าได้ (ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐ)
- ลดความเสี่ยงจากค่าไฟที่เพิ่มขึ้นในอนาคต – ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี การใช้โซลาร์ช่วยให้มีต้นทุนพลังงานที่แน่นอน
ประเภทของระบบโซล่ารูฟท็อป
- On-Grid System (เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า)
- ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์และไฟจากการไฟฟ้าร่วมกัน
- สามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้รัฐได้
- เหมาะกับบ้านหรือธุรกิจที่มีการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันเป็นหลัก
- Off-Grid System (ระบบอิสระ)
- ไม่เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า ใช้งานร่วมกับแบตเตอรี่
- เหมาะกับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง
- ต้นทุนแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง และต้องมีการบำรุงรักษา
- Hybrid System (ผสมผสาน)
- ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ + ไฟฟ้าจากการไฟฟ้า + แบตเตอรี่
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสำรองไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนติดตั้ง
- งบประมาณ – ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นขึ้นอยู่กับขนาดของระบบ โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 50,000 – 500,000 บาท
- พื้นที่ติดตั้ง – หลังคาต้องมีพื้นที่เพียงพอและรับแสงแดดได้ดี
- รูปแบบการใช้ไฟ – ควรวิเคราะห์การใช้ไฟฟ้าของบ้านหรือธุรกิจเพื่อเลือกขนาดที่เหมาะสม
- การบำรุงรักษา – โซล่ารูฟท็อปต้องการการดูแลรักษาน้อย แต่ควรทำความสะอาดแผงเป็นระยะ
โปรโมชั่นและการสนับสนุนจากภาครัฐ
ปัจจุบัน รัฐบาลมีโครงการสนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เช่น
- โครงการขายไฟคืนให้รัฐ (Net Metering / Net Billing)
- มาตรการภาษีและสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับติดตั้งโซลาร์
หากสนใจติดตั้ง สามารถตรวจสอบสิทธิ์และรายละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ
