
การทำงานของอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ากระชาก (Surge Protector)
อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ากระชาก (Surge Protector) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากแรงดันไฟฟ้าเกินชั่วขณะ หรือ ไฟกระชาก (Surge, Spike, Transient Voltage) ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากฟ้าผ่า การสลับโหลดไฟฟ้า หรือปัญหาทางไฟฟ้าในระบบจ่ายไฟ
หลักการทำงานของ Surge Protector
Surge Protector ทำงานโดยการตรวจจับแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินปกติ และลดหรือเบี่ยงเบนกระแสไฟฟ้าส่วนเกินออกไปยังสายดิน โดยมีส่วนประกอบหลักที่ช่วยทำงานดังนี้:
- Metal Oxide Varistor (MOV)
- เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ดูดซับแรงดันไฟฟ้าเกิน
- ในสภาวะปกติ MOV มีความต้านทานสูง และไม่ทำงาน
- เมื่อแรงดันไฟฟ้าเกินค่าที่กำหนด MOV จะลดความต้านทานลงอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนเส้นทางพลังงานส่วนเกินออกไปยังสายดิน
- Gas Discharge Tube (GDT)
- ใช้หลักการของการจ่ายพลังงานส่วนเกินออกโดยการทำให้ก๊าซนำไฟฟ้า
- มีข้อดีคือทนทานและรองรับแรงดันไฟฟ้าสูงได้ดี แต่ตอบสนองช้ากว่า MOV
- Transient Voltage Suppression Diode (TVS Diode)
- ทำงานเร็วมาก เหมาะสำหรับป้องกันวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อน
- สามารถป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกินอย่างฉับพลันได้ดี แต่รองรับพลังงานได้จำกัด
คุณสมบัติของ Surge Protector ที่ดี
- ค่าการทนแรงดันไฟฟ้าสูงสุด (Clamping Voltage) ต่ำ
- ความสามารถในการดูดซับพลังงานสูง (Joule Rating)
- มีไฟแสดงสถานะการทำงาน
- มีระบบตัดไฟเมื่อ Surge Protector เสื่อมสภาพ
ข้อแนะนำในการใช้งาน
- ควรเลือก Surge Protector ที่เหมาะสมกับประเภทอุปกรณ์ที่ต้องการป้องกัน
- ไม่ควรใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้กำลังไฟสูงมาก เช่น เตารีดหรือเครื่องปรับอากาศ
- ควรเปลี่ยน Surge Protector ทุก 2-3 ปี หรือเมื่อสังเกตว่าอุปกรณ์ทำงานผิดปกติ
สรุป
Surge Protector เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากไฟกระชาก โดยอาศัยองค์ประกอบหลัก เช่น MOV, GDT และ TVS Diode เพื่อลดแรงดันไฟฟ้าเกินและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ของคุณ
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

