
Load Shedding คือ การตัดไฟฟ้าหรือการแบ่งเบาภาระโหลด ในระบบไฟฟ้าโดยเจตนา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าดับในวงกว้าง (Blackout) เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเกินกว่าที่ระบบสามารถจ่ายได้ หรือเมื่อมีปัญหาด้านการผลิตและการส่งจ่ายไฟฟ้า
สาเหตุของ Load Shedding
- กำลังการผลิตไม่เพียงพอ – โรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าความต้องการ เช่น ช่วงที่มีอากาศร้อนจัด การใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นจนเกินขีดจำกัด
- ปัญหาด้านการส่งจ่ายไฟฟ้า – สายส่งหรือสถานีไฟฟ้าย่อยเกิดความขัดข้องหรือเสียหาย
- เชื้อเพลิงขาดแคลน – โรงไฟฟ้าไม่มีเชื้อเพลิงเพียงพอ เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ หรือน้ำมัน
- เหตุฉุกเฉินในระบบไฟฟ้า – เช่น ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว หรือพายุที่ทำให้โครงข่ายไฟฟ้าเสียหาย
ผลกระทบของ Load Shedding
- ต่อผู้ใช้ไฟฟ้า – เกิดไฟดับเป็นช่วง ๆ ส่งผลต่อความสะดวกสบายและการทำงานในบ้านเรือน สำนักงาน และโรงงาน
- ต่อเศรษฐกิจ – โรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจอาจต้องหยุดการผลิต ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
- ต่อโครงข่ายไฟฟ้า – หากไม่มี Load Shedding ระบบไฟฟ้าอาจล่มทั้งประเทศ ส่งผลเสียรุนแรงกว่า
- ต่อบริการสำคัญ – โรงพยาบาล สถานีตำรวจ หรือระบบขนส่งอาจได้รับผลกระทบหากไม่มีแหล่งพลังงานสำรอง
การจัดการ Load Shedding
- วางแผนตัดไฟเป็นโซน ๆ เพื่อให้ผลกระทบน้อยที่สุด
- ใช้พลังงานสำรอง เช่น เครื่องปั่นไฟ หรือแบตเตอรี่สำรอง (UPS)
- ปรับปรุงระบบผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
โดยสรุป Load Shedding เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้า แต่ก็เป็นวิธีป้องกันปัญหาใหญ่กว่า เช่น ไฟดับทั้งระบบ (Blackout)
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

