
อินเวอร์เตอร์ (Inverter) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีบทบาทสำคัญในหลายระบบไฟฟ้า ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการทำงาน ประเภท และการนำไปใช้งาน
1. หลักการทำงานของอินเวอร์เตอร์
อินเวอร์เตอร์ทำงานโดย แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ผ่านกระบวนการหลัก ๆ ดังนี้:
- การตัดต่อสัญญาณ (Switching)
- ใช้สวิตช์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น MOSFET หรือ IGBT ทำหน้าที่สลับการจ่ายไฟ DC ไปมาด้วยความถี่สูง
- การสร้างรูปคลื่นไฟฟ้า AC
- กระบวนการตัดต่อทำให้เกิดไฟฟ้าสลับ ซึ่งต้องผ่านตัวกรองเพื่อให้ได้รูปคลื่นที่เหมาะสม
- การปรับแรงดันและความถี่
- ใช้หม้อแปลง (Transformer) หรือวงจรควบคุม เพื่อให้ได้แรงดันและความถี่ไฟฟ้าตามต้องการ เช่น 220V 50Hz (ไทย) หรือ 120V 60Hz (สหรัฐอเมริกา)
2. ประเภทของอินเวอร์เตอร์
อินเวอร์เตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะของรูปคลื่นที่สร้างขึ้น:
1) Pure Sine Wave Inverter (อินเวอร์เตอร์คลื่นไซน์บริสุทธิ์)
- ให้กระแสไฟฟ้า AC ที่มีรูปคลื่นเหมือนไฟจากการไฟฟ้า
- เหมาะสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องมือแพทย์, UPS
- ราคาสูงกว่าประเภทอื่น แต่ให้ประสิทธิภาพสูงและเสถียร
2) Modified Sine Wave Inverter (อินเวอร์เตอร์คลื่นไซน์ดัดแปลง)
- รูปคลื่นเป็นบันได (Step Wave) ซึ่งต่างจากคลื่นไซน์แท้
- ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปได้ แต่ อาจทำให้มอเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ต้องการไฟเสถียรทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- ราคาถูกกว่าประเภท Pure Sine Wave
3) Square Wave Inverter (อินเวอร์เตอร์คลื่นเหลี่ยม)
- ให้ไฟฟ้ากระแสสลับแบบคลื่นเหลี่ยม ซึ่งมีคุณภาพต่ำ
- ปัจจุบันไม่นิยมใช้ เนื่องจากอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ
3. การนำอินเวอร์เตอร์ไปใช้งาน
1) ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Inverter)
- แปลงไฟ DC จากแผงโซลาร์เซลล์เป็นไฟ AC เพื่อใช้ในบ้านหรือส่งเข้าระบบไฟฟ้า
- มีประเภทหลัก ๆ เช่น
- On-Grid Inverter (เชื่อมต่อกับสายส่ง)
- Off-Grid Inverter (ใช้กับแบตเตอรี่สำรองไฟ)
- Hybrid Inverter (สามารถทำงานได้ทั้ง On-Grid และ Off-Grid)
2) ระบบสำรองไฟ (UPS – Uninterruptible Power Supply)
- ใช้แบตเตอรี่เก็บพลังงาน และใช้ อินเวอร์เตอร์แปลงไฟ DC เป็น AC เพื่อจ่ายไฟสำรองให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อไฟฟ้าดับ
3) ระบบควบคุมมอเตอร์ (Variable Frequency Drive – VFD)
- ใช้ในมอเตอร์ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ, ลิฟต์, สายพานลำเลียง
- ช่วยควบคุมรอบมอเตอร์และประหยัดพลังงาน
4) ยานยนต์ไฟฟ้า (EV – Electric Vehicle)
- ใช้แปลงไฟจากแบตเตอรี่ (DC 400V-800V) เป็นไฟ AC เพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า
4. ข้อดีและข้อเสียของอินเวอร์เตอร์
✅ ข้อดี:
- ช่วยประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่มีการควบคุมรอบมอเตอร์
- ช่วยให้สามารถใช้พลังงานจากแหล่ง DC เช่น โซลาร์เซลล์ หรือ แบตเตอรี่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานได้ต่อเนื่องเมื่อเกิดไฟดับ (ในระบบสำรองไฟ)
❌ ข้อเสีย:
- ราคาอาจสูง โดยเฉพาะอินเวอร์เตอร์คุณภาพสูงแบบ Pure Sine Wave
- อาจมีการสูญเสียพลังงานบางส่วนระหว่างการแปลงไฟ
- หากเลือกอินเวอร์เตอร์ไม่เหมาะสมกับอุปกรณ์ อาจทำให้การทำงานผิดพลาดหรือเสียหาย
5. วิธีเลือกซื้ออินเวอร์เตอร์ให้เหมาะสม
- เลือกประเภทอินเวอร์เตอร์ ให้เหมาะกับการใช้งาน (เช่น Pure Sine Wave สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อน)
- กำลังไฟ (Wattage) ต้องเพียงพอ ดูจากกำลังไฟรวมของอุปกรณ์ที่ต้องใช้
- แรงดันไฟขาเข้าและขาออกต้องตรงกัน เช่น 12V/24V/48V DC → 220V AC
- เลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพและมีการรับประกัน
📌 สรุป:
อินเวอร์เตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) มีบทบาทสำคัญใน ระบบโซลาร์เซลล์, ระบบสำรองไฟ, ควบคุมมอเตอร์, และยานยนต์ไฟฟ้า หากต้องการเลือกใช้อินเวอร์เตอร์ ควรพิจารณาคุณภาพ ประเภท และกำลังไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานอิเล็กทรอนิกส์) และ Modified Sine Wave Inverter (ราคาถูกกว่า แต่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ไม่ต้องการไฟฟ้าคลื่นสมบูรณ์)
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

