การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่มีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงาน นี่คือวิธีการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม:
- คำนวณขนาดพื้นที่ห้อง
การเลือกขนาดเครื่องปรับอากาศควรพิจารณาจากขนาดของพื้นที่ห้อง โดยใช้หน่วยวัดที่เรียกว่า BTU (British Thermal Unit) ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้วัดกำลังในการทำความเย็น สามารถคำนวณขนาด BTU ได้คร่าวๆ ดังนี้:- ห้องที่มีเพดานสูงมาตรฐาน (ประมาณ 2.5 เมตร): BTU=พื้นที่ห้อง(ตารางเมตร)×800BTU = พื้นที่ห้อง (ตารางเมตร) \times 800BTU=พื้นที่ห้อง(ตารางเมตร)×800
- ถ้าห้องมีเพดานสูง หรือมีแสงแดดเข้ามามาก อาจต้องเพิ่ม BTU ขึ้นประมาณ 10-20%
- ห้องขนาด 20 ตารางเมตร: BTU=20×800=16,000BTUBTU = 20 \times 800 = 16,000 BTUBTU=20×800=16,000BTU
- เลือกประเภทของเครื่องปรับอากาศ
- เครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง (Wall-mounted): เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นขนาดเล็กถึงกลาง
- เครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่ (Portable): เหมาะสำหรับห้องที่ไม่มีพื้นที่ติดตั้งถาวร
- เครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้า (Ceiling cassette): เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่หรือพื้นที่เปิดกว้าง
- เครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้น (Floor standing): เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเย็นกระจายทั่วถึง
- ตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 และพิจารณาเลือกเครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานและค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว - เลือกฟังก์ชันเพิ่มเติมที่ตอบโจทย์การใช้งาน
- โหมดประหยัดพลังงาน: ช่วยลดการใช้ไฟฟ้า
- ระบบฟอกอากาศ: ช่วยกรองฝุ่นละอองและเชื้อโรค
- การควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน: เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
- พิจารณาเรื่องเสียงและการบำรุงรักษา
เลือกเครื่องปรับอากาศที่ทำงานเงียบ เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อน และตรวจสอบความสะดวกในการทำความสะอาดหรือเปลี่ยนฟิลเตอร์ - พิจารณางบประมาณ
กำหนดงบประมาณในการซื้อและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ โดยพิจารณาจากคุณภาพและประสิทธิภาพในระยะยาว ควรเลือกเครื่องที่มีการรับประกันและบริการหลังการขายที่ดี
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการจะช่วยให้คุณได้รับความเย็นสบาย ประหยัดพลังงาน และใช้งานได้อย่างคุ้มค่า