ระบบไฟฟ้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะการใช้งานและการจ่ายพลังงาน ดังนี้:
- ระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC: Direct Current):
- ระบบไฟฟ้าที่กระแสไฟฟ้าไหลในทิศทางเดียวตลอดเวลา
- ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ เซลล์แสงอาทิตย์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
- ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ (AC: Alternating Current):
- ระบบไฟฟ้าที่กระแสไฟฟ้าสลับทิศทางอย่างต่อเนื่อง
- ใช้ในระบบไฟฟ้าภายในบ้าน อาคารพาณิชย์ และการจ่ายพลังงานไฟฟ้าในระดับกว้าง
- ระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low Voltage Systems):
- ระบบที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 1,000 โวลต์
- ใช้ในบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ และสถานที่ต่าง ๆ ที่ต้องการไฟฟ้าแรงดันต่ำ
- ระบบไฟฟ้าแรงดันปานกลาง (Medium Voltage Systems):
- ระบบที่มีแรงดันไฟฟ้าระหว่าง 1,000 โวลต์ ถึง 35,000 โวลต์
- ใช้ในการจ่ายพลังงานในพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดกลางและการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าแรงดันสูง
- ระบบไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Systems):
- ระบบที่มีแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 35,000 โวลต์
- ใช้ในการจ่ายพลังงานในพื้นที่กว้างและการเชื่อมต่อระหว่างสถานีไฟฟ้าย่อย
- ระบบไฟฟ้าสำรอง (Standby Power Systems):
- ระบบที่ให้พลังงานสำรองเมื่อเกิดปัญหากับการจ่ายพลังงานหลัก
- รวมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Generators) และระบบ UPS (Uninterruptible Power Supply)
- ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Systems):
- ระบบที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้า
- รวมถึงแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panels) และอินเวอร์เตอร์ (Inverters) เพื่อเปลี่ยนกระแสตรงเป็นกระแสสลับ
- ระบบไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Power Systems):
- ระบบที่ใช้พลังงานจากลมในการผลิตไฟฟ้า
- รวมถึงกังหันลม (Wind Turbines) และระบบการจัดเก็บพลังงาน
- ระบบไฟฟ้าพลังงานน้ำ (Hydropower Systems):
- ระบบที่ใช้พลังงานจากน้ำในการผลิตไฟฟ้า
- รวมถึงเขื่อนและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานน้ำ
- ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร (Building Electrical Systems):
- ระบบที่ให้บริการไฟฟ้าภายในอาคาร
- รวมถึงระบบแสงสว่าง (Lighting Systems), ระบบไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ (Power Outlets), และระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร (Circuit Breakers)
ประเภทของระบบไฟฟ้าแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้ระบบไฟฟ้าที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน