สายไฟมีอายุการใช้งานและสภาพทางเทคนิคที่จะต้องพิจารณา แต่ไม่มีวันที่ถูกต้องที่จะกำหนดว่า “มีวันหมดอายุ” อย่างไร. สายไฟที่มีการใช้งานนานและได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมอาจยังสามารถใช้งานได้ต่อไป แต่ในบางกรณี, สายไฟที่เก่ามากจะแสดงสัญญาณของความสภาพที่เสื่อมสภาพและอาจต้องถูกทดแทน.
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของสายไฟได้รวมถึง:
1. การใช้งาน: การใช้งานที่มีการดึงยืด, งดงาม, หรือทำให้สายไฟเกิดการหดตัวมีผลต่อความทนทานของสายไฟ.
2. สภาพอากาศ: สภาพอากาศที่แปรปรวน, ชื้น, หรือมีอุณหภูมิสูงสามารถทำให้สายไฟเสื่อมสภาพได้.
3. การติดตั้ง: การติดตั้งสายไฟในสภาพแวดล้อมที่ทนทานทางไฟฟ้าและอาจมีอุปกรณ์การป้องกันที่เพียงพอหรือไม่.
การตรวจสอบสายไฟเป็นประจำเพื่อตรวจสอบสภาพทางเทคนิคและความปลอดภัยเป็นวิธีที่ดีที่สุด. หากมีเครื่องมือตรวจสอบทางไฟฟ้า, สายไฟควรถูกตรวจสอบเพื่อตรวจสอบความไวไฟฟ้า, ความทนทานของฉนวนไฟฟ้า, และความสมบูรณ์ของฉนวน. หากมีสัญญาณของความสภาพที่ไม่ดี, การทดแทนสายไฟอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี. นอกจากนี้, หากสายไฟแสดงอาการสภาพที่เสื่อมสภาพมาก, มีบางสัญญาณที่ไม่ปกติ เช่น การทำความร้อนมาก, หรือมีที่รั่วไฟ, ควรหยุดใช้งานและหาช่างไฟฟ้ามีความรู้ความสามารถมาตรฐานเพื่อประเมินและแก้ไขปัญหา. การรักษาสายไฟในสภาพที่ดีจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ.
สายไฟที่ได้มาตรฐานจะมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 15-20 ปี แต่ถ้าใช้งานหนักหรือใช้สายไฟผิดประเภท เช่น นำสายไฟที่ใช้ภายในนำไปใช้ภายนอก หรือ นำสายไฟที่ไม่สามารถทนความร้อนสูงๆได้ไปใช้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงก็จะทำให้สายไฟมีอายุน้อยลงไปอีก
การนำไปร้อยท่อก็สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานได้บ้าง ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้งานสายไฟให้ถูกประเภทและเลือกใช้สายไฟที่ได้มาตรฐาน
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ผู้เขียน สุรัช เวียงลอ
ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ