9 อันดับ เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมากที่สุด!!!
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เห็นได้ชัดจากบ้านเรือนที่มีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดทั้งวันทั้งคืน อาทิ แอร์ เครื่องปรับอากาศ พัดลม เป็นต้น เพื่อใช้คลายร้อนปรับอากาศภายในบ้านให้เย็นสบาย แต่ทราบหรือไม่ว่าการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะช่วง Work From Home เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเปิดเป็นประจำ มีทั้งหลอดไฟ พัดลม ทีวี ตู้เย็น แอร์ ไมโครเวฟ เครื่องทำ น้ำอุ่น ซึ่งแต่ละประเภทมีกำลังไฟฟ้าที่แตกต่างกัน แล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอะไรที่กินไฟมากที่สุด
- เครื่องปรับอากาศ
หากเปิดบ่อย ๆ วันละหลายชั่วโมง ก็จะทำให้เสียค่าไฟเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน เพราะอากาศเมืองไทยร้อนแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเปิดเครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศ ใช้ไฟประมาณ 1,200 – 3,300 วัตต์ ถ้านำมาคำนวณกับค่าไฟเฉลี่ย คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 5 – 13 บาท โดยมีเคล็ดลับในการใช้อย่างประหยัด คือ เลือกซื้อเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง และมีขนาดที่เหมาะสมกับห้อง พร้อมปฏิบัติตามคู่มืออย่างเคร่งครัด ติดตั้งในระดับที่สูงพอดี มีที่ระบายความร้อน และไม่ไว้ใกล้วัตถุไวไฟ
- เครื่องทำน้ำอุ่น
บ้านไหนที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นขนาดใหญ่มาก ๆ ก็อาจจะทำให้ต้องใช้กำลังไฟถึง 12,000 วัตต์เลยทีเดียว อีกทั้งวันหนึ่งเรายังอาบน้ำกันมากกว่าหนึ่งรอบ ก็จะยิ่งทำให้เราใช้ไฟมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการใช้ไฟที่เยอะกว่าแอร์เสียอีก ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นขนาดเล็ก ก็จะใช้กำลังไฟประมาณ 2,500 วัตต์ ซึ่งหากเราลองคิดคำนวณดูแล้ว ก็อาจจะเป็นการใช้ไฟที่มากกว่าการต้มน้ำด้วยแก๊สหุงต้มอาบเสียอีก โดยคิดเป็นค่าไฟเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 – 47 บาท โดยถ้าหากเราต้องการที่จะประหยัดพลังงานตรงส่วนนี้ เราควรเลือกซื้อเครื่องที่มีขนาดเหมาะสม พร้อมต่อสายดินให้เรียบร้อย ปรับอุณหภูมิให้พอดี ปิดก๊อก ปิดวาล์ว และปิดสวิตช์ทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ รวมถึงลดการใช้น้ำอุ่นแบบไม่จำเป็นในฤดูร้อน
- เครื่องซักผ้า
โดยเฉพาะบ้านไหนที่ใช้เครื่องซักผ้าที่มีฟังก์ชันพร้อมอบแห้งด้วยแล้วล่ะก็ ก็จะทำให้ใช้กำลังไฟไปประมาณ 3,000 วัตต์ คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 12 บาท โดยเคล็ดลับในการใช้เครื่องซักผ้าให้ประหยัด ก็คือ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแต่ละเครื่อง ใส่ปริมาณเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับตัวเครื่อง ไม่มากหรือน้อยเกินไป หากมีแค่ 1 – 2 ชิ้น ควรเปลี่ยนจากซักเครื่องมาเป็นซักมือแทน หากมีแสงแดดจัด ควรนำออกตากแดด และหลีกเลี่ยงการอบแห้ง หมั่นตรวจสอบปลั๊กไฟ โครงเหล็ก และตัวเครื่องให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ และควรถอดปลั๊กหลังจากเลิกใช้งานทุกครั้ง
- เตารีดไฟฟ้า
จะใช้กำลังไฟประมาณ 750 – 2,000 วัตต์ คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 3 – 8 บาท เคล็ดลับในการใช้เตารีดอย่างประหยัดนั้นคือ ต้องตรวจสอบสภาพก่อนใช้งานทุกครั้ง ทั้งปลั๊กเสียบและสายไฟจะต้องไม่เกิดการชำรุดเสียหาย อีกทั้งควรพรมน้ำก่อนรีดผ้าเล็กน้อย ปรับความร้อนให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า เริ่มรีดจากตัวที่บางก่อนตัวที่หนา รีดครั้งละเยอะ ๆ ถอดปลั๊กออกก่อนรีดเสร็จสัก 2 – 3 นาที เพราะความร้อนจะยังคงอยู่พอให้รีดต่อได้อีกสักพัก โดยเมื่อเลิกใช้งานแล้ว ควรถอดปลั๊กทุกครั้ง
- หม้อหุงข้าว
ใช้ไฟประมาณ 450 – 1,500 วัตต์ คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 2 – 6 บาท โดยเคล็ดลับในการประหยัด ก็คือ เลือกใช้หม้อที่มีขนาดพอดีกับคนในครอบครัว และหุงข้าวให้พอดีกับการกินในแต่ละมื้อ ถอดปลั๊กออกหลังใช้เสร็จทุกครั้ง หมั่นตรวจสอบแท่นความร้อนในหม้อ ล้างหม้อให้สะอาด ไม่ให้มีข้าวเกาะ เพราะจะทำให้ข้าวสุกช้ากว่าปกติ อีกทั้งยังควรตรวจสอบปลั๊กเสียบหรือสายไฟ ไม่ให้เกิดการชำรุดและรั่วไหลด้วย
- เครื่องดูดฝุ่น
ใช้ไฟประมาณ 750 – 1,200 วัตต์ คิดเป็นค่าไฟก็ชั่วโมงละ 3 – 5 บาท ในส่วนของเคล็ดลับในการใช้เครื่องดูดฝุ่นอย่างประหยัดนั้นก็คือ ควรเทฝุ่นทิ้งทุกครั้งหลังเลิกใช้ เพื่อช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเปลืองไฟน้อยลง หมั่นตรวจสอบเต้าเสียบไม่ให้ชำรุดหรือมีรอยไหม้ และต้องหลีกเลี่ยงการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เครื่องร้อนและเกิดปัญหาตามมาได้นั่นเอง โดยเราอาจจะเปลี่ยนมาเป็นใช้เป็นการกวาดทำความสะอาดแทน แล้วค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่นเก็บฝุ่น เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นนั้นกินไฟพอ ๆ กับเตารีด
- โทรทัศน์
จะใช้ไฟประมาณ 80 – 180 วัตต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปรียบเสมือนเพื่อนคลายเหงา และเป็นจุดส่วนรวมของคนในบ้าน คงจะเป็นอะไรไปไม่นอกจากโทรทัศน์ แต่เราจะใช้งานทีวีอย่างไรให้คุ้มค่า และไม่สิ้นเปลืองดีล่ะ? เราสามารถทำได้โดยการคำนึงถึงเรื่องขนาด สี ฟังก์ชัน ระบบ และการใช้กำลังไฟของทีวีรุ่นนั้นว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ โดยการเลือกซื้อทีวีที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และเลือกระบบที่เป็น LED โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการใช้งานทีวีอย่างประหยัด ก็คือ เราไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน เพราะทีวีเป็นอุปกรณ์ที่มีไฟฟ้าหล่อเลี้ยงระบบภายในอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การถอดปลั๊กตอนที่ไม่ได้ใช้งานออกก็จะช่วยให้ประหยัดไฟขึ้นได้ ทั้งนี้ เราเองก็ควรที่จะตรวจสอบอุปกรณ์ของโทรทัศน์ว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่ เพราะนั่นอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าไฟแต่ละเดือนมีราคาสูงขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
- ตู้เย็น
จะใช้ไฟประมาณ 70 – 145 วัตต์ โดยวิธีการประหยัดค่าไฟจากตู้เย็นได้ดีที่สุดคือ เลือกใช้ตู้เย็นที่มีเครื่องหมายประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ต้องทำความเย็นตลอด เพื่อรักษาอากาศในตู้ไม่ให้เกิดความร้อนขึ้น อันจะเป็นเหตุที่จะทำให้อาหารเสียและบูดเร็ว สำหรับคนที่เกิดปัญหาใช้งานตู้เย็น แม้จะเลือกแบบฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แต่ก็ยังไม่วายเกิดปัญหากินพลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ อาจเกิดขึ้นได้จากการรั่วไหลของสายไฟ จนกระทั่งทำให้เกิดปัญหาการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้นกว่าปกติ ถ้าหากไม่ได้รับการตรวจสอบ และทำการซ่อมแซมอย่างเหมาะสม นอกจากจะสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้าหลายวัตต์แล้ว ยังอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นในระหว่างการใช้งานได้อีกด้วย และการเปิด – ปิดตู้เย็นไม่สนิท ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า อันเนื่องมาจากการที่ตู้เย็นพยายามสร้างความเย็นทดแทนส่วนที่เสียไปอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
- เตาไมโครเวฟ
ใช้ไฟประมาณ 100 – 1,000 วัตต์ คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 0.40 – 4 บาท ซึ่งเคล็ดลับในการประหยัดไฟฟ้าจากการใช้เตาไมโครเวฟ ก็คือ ควรอ่านคำแนะนำและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าสายไฟไม่รั่วหรือชำรุด ขั้วต่อและเต้ารับแน่นสนิท นอกจากนี้ ควรกำหนดเวลาและความร้อนให้เหมาะสม เลือกใช้ภาชนะก้นแบน หรือภาชนะที่แถมมากับเครื่อง เพื่อให้รับความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการเปิด – ปิดฝาบ่อย ๆ เพื่อให้อาหารอุ่นเร็วขึ้น เปลืองไฟน้อยลง ถอดปลั๊กหลังใช้เสร็จทุกครั้งด้วย ที่สำคัญเลยก็คือ ควรดูแลและหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วย
นอกเหนือจากเครื่องใช้ไฟฟ้าข้างต้นแล้ว เครื่องชงกาแฟ พัดลมเพดาน และพัดลมตั้งพื้น ไดร์เป่าผม ก็ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่กินไฟมากที่สุดรองลงมาเช่นกัน ฉะนั้น ถ้าหากใครไม่อยากจ่ายค่าไฟแพง ก็ลองตรวจสอบความจำเป็นของอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้ ใช้งานบ่อยแค่ไหน หากไม่จำเป็นก็หาสิ่งทดแทนอื่นที่ประหยดไฟมาใช้แทน
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ผู้เขียน มิ่งสุดา โสมะฐิติ
ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ