หลักการทำงานของเครื่องตัดไฟรั่ว
หน้าที่ของเครื่องตัดไฟรั่ว มีการทำงานและให้ประโยชน์อย่างไร โดยเครื่องตัดไฟรั่วนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภทตามแต่ชื่อเรียก แต่ก็มีหน้าที่ในการทำงานที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งการทำงานนั้นจะเป็นการทำงานโดยเปรียบเทียบกระแสไฟฟ้าระหว่างสายไฟจำนวน 2 สาย ( สาย L และ N )ซึ่งหากมีการรั่วและกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านสายไฟ หรือ มีการวิ่งผ่านตัวคนไปสัมผัสกับจุดที่มีการรั่วของไฟฟ้า เครื่องตัดไฟรั่วจะสามารถตรวจสอบได้และทำการปลดวงจรทันที
ในปัจจุบันมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยอยู่กัน 2 ระบบ ได้แก่ ระบบไฟฟ้าชนิด 1 เฟส 2 สาย และระบบไฟฟ้าชนิด 3 เฟส 4 สาย ซึ่งทั้งสองระบบมีหน้าที่และหลักการทำงานที่แตกต่างกัน และมีการใช้งานแตกต่างพื้นที่เช่นเดียวกัน สำหรับหลักการทํางานของเครื่องตัดไฟรั่ว แบบ 1 เฟส 2 สาย จะเป็นระบบไฟฟ้าแรงดันที่ 220 โวลต์ ที่นิยมใช้ในบ้านเรือน ที่อยู่อาศัยทั่วไป ประกอบไปด้วย สายไฟจำนวน 2 เส้น ได้แก่ สายเส้นไฟ (L) และสายเส้นนิวตรอล (N)
ในขณะที่ระบบไฟฟ้าชนิด 3 เฟส 4 สาย จะเป็นระบบไฟฟ้าแรงดันที่ 220/380 โวลต์ที่นิยมใช้กันในโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย สายไฟจำนวน 4 เส้น ได้แก่ สายเส้นไฟ (L) จำนวน 3 เส้น และ สายเส้นนิวตรอล (N) จำนวน 1 เส้น ซึ่งสามารถทำงานได้ค่อนข้างดีในพื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้สายไฟเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในเขตอุตสาหกรรม ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 2 ระบบ จำเป็นจะต้องมีการติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (G) เพื่อป้องกันอันตรายจากการเกิดไฟดูดในกรณีที่มีไฟรั่วนั่นเอง
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ผู้เขียน ขวัญหทัย ลิ้มประเสริฐ
ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ