กระแสรักสุขภาพ ถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงกลุ่มผู้ สูงอายุ และยิ่งการระบาดของโควิด -19 ก่อให้เกิดกระแสการตื่นตัวของการระวังป้องกัน รวมถึงการดูแลสุขภาพด้วยอาหาร มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารที่ปราศจากสารปรุงแต่ง สารกันบูด น้ำตาล น้ำมันปาล์ม ไม่แต่งสี และไขมันต่ำ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพซึ่งสอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตที่เป็นปกติใหม่ (New Normal) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า “หม้อทอดไร้น้ำมัน”
หม้อทอดไร้น้ำมัน ที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ แท้จริงแล้วเป็นอุปกรณ์ในกลุ่มเตาอบพาความร้อน ซึ่งให้ความร้อนอาหารด้วยไฟฟ้า แต่ส่วนลวดความร้อนภายในจะอยู่ใกล้กับตัวอาหารมาก ทำให้อาหารได้ความร้อนสูงกว่า อาจสูงถึง 230 องศาเซลเซียส และจะใช้การหมุนเวียนอากาศที่เร็วกว่า ทำให้ได้อาหารที่ออกมีผิวเกรียมเหลือง และมีสัมผัสที่กรอบ โดยอาศัยส่วนไขมันและน้ำตาลจากภายในตัวอาหารเอง กระบวนการทั้งหมดนี้จะค่อย ๆ ทอดอาหารให้สุก โดยใช้อากาศเป็นตัวกลางพาความร้อนแทนน้ำมัน น้ำที่ระเหยและไอร้อนส่วนเกินจะถูกระบายออกไปผ่านวาล์วชนิดพิเศษ เพื่อปรับความดันภายในให้เหมาะสม โดยแทบไม่ต้องพึ่งน้ำมันเลย
ถึงแม้หม้อประเภทนี้จะใช้ทอดอาหารได้ แต่รสชาติและลักษณะของอาหารนั้น แน่นอนว่าไม่เหมือนกับการทอดในน้ำมัน อาหารทอดที่ทอดด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันจึงให้พลังงานต่ำกว่า เป็นพลังงานจากไขมันน้อยกว่าการทอดแบบปกติ คนที่กินอาหารที่ทำจากหม้อทอดไร้น้ำมัน จึงมักจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมและลดน้ำหนักตัว จากการลดการบริโภคไขมัน ที่สำคัญลดความเสี่ยงต่อการรับสารก่อมะเร็งที่ชื่อ อะคริลาไมด์ (Acrylamide) ที่เกิดจากน้ำมันถูกนำมาทอดความร้อนสูง
ท้ายที่สุดแล้ว การใช้หม้อประเภทนี้ในการปรุงอาหาร เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าหากเปรียบเทียบกับการทอดในน้ำมัน เนื่องจากแทบไม่ต้องใช้ในน้ำมันในการปรุงอาหาร ซึ่งช่วยลดปริมาณไขมันและแคลอรี่ได้พอสมควร แต่ตามทฤษฎีแล้ว เมื่อเนื้อสัตว์ถูกนำมาผ่านความร้อนสูง ไม่ว่าจะใช้น้ำมันหรือไม่ก็ตาม จะมีสารก่อมะเร็งคือ Heterocyclic Amines และ Polycyclic Aromatic Hydrocarbons เกิดขึ้นได้ ดังนั้น การทำอาหารด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันอาจจะยังมีความเสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งเหล่านี้อยู่ การรักษาสุขภาพที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการเดินทางสายกลางนั่นเอง