Pole ของมอเตอร์ไฟฟ้า หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Magnetic Pole คือ จำนวนของขั้วแม่เหล็กที่พันกับขดลวดรอบแกนของโลหะ โดยมันจะอยู่ตรงบริเวณระหว่างขั้วแม่เหล็กภายในมอเตอร์ Pole ของมอเตอร์ไฟฟ้าจะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงความเร็วรอบและแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า หากจำนวน Pole ของมอเตอร์ไฟฟ้ามียิ่งจำนวนมากเท่าไร ความเร็วรอบของมอเตอร์ก็จะยิ่งต่ำลง แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีแรงบิดที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน หากจำนวน Pole ของมอเตอร์ไฟฟ้ายิ่งน้อยมากเท่าไร ก็จะทำให้ความเร็วรอบของมอเตอร์สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันแรงบิดของมอเตอร์ก็จะน้อยลง
ในทางทฤษฎีตัวเลขของ Pole จะส่งผลต่อความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีสูตรคำนวณ ดังนี้
ความเร็วของสนามแม่เหล็ก (NS) = (120 x f) / P
f คือ ความถี่ของกระแสไฟฟ้าขนาด 50Hz หรือ 60 Hz ในประเทศไทยความถี่ของกระแสไฟฟ้า
ที่ใช้กันโดยทั่วไปอยู่ที่ 50Hz
P คือ จำนวนของขั้วแม่เหล็ก
โดยทั่วไปแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีจำนวน Pole หลัก ๆ อยู่ด้วยกัน 3 Pole โดยจำนวน Pole แรกคือ จำนวนมอเตอร์ไฟฟ้า 2 Pole จะมีความเร็วรอบต่อนาทีที่ 2800 rpm อย่างที่สองคือ 4 Pole จะมีความเร็วรอบต่อนาทีที่ 1400 rpm และอย่างสุดท้ายคือ 6 Pole จะมีความเร็วรอบต่อนาทีที่ 900 rpm
เนื่องจากความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละตัวนั้นไม่ได้มีสูตรตายตัวเหมือนกันทั้งหมด ดังนั้น เราจึงต้องมีสูตรที่ใช้ในการคำนวณหาความเร็วรอบต่อนาทีของมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อนำไปคำนวณและเลือกมอเตอร์ให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งาน โดยเราสามารถคำนวณได้จากสูตร
N = 120 x f/P
f คือ ความถี่ของกระแสไฟฟ้าขนาด 50Hz หรือ 60 Hz
N คือ ความเร็วรอบต่อนาที หรือเรียกว่า RPM
P คือ จำนวน POLE ของมอเตอร์ไฟฟ้า
การเลือกใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้า ควรเลือกที่เหมาะกับการนำไปใช้งานของเรา หากต้องการนำไปใช้กับงานที่ต้องการแรงบิดที่สูง แต่ความเร็วรอบมอเตอร์ต่ำ ก็ควรเลือกมอเตอร์ที่มีขนาด 6 หรือ 4 Pole แต่หากต้องนำไปใช้กับงานที่ต้องการความเร็วรอบที่สูง แต่แรงบิดน้อย ก็ควรเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 Pole