สายดินที่ติดตั้งในระบบไฟฟ้ามีขึ้นสำหรับเสริมความปลอดภัยต่อการใช้ไฟฟ้า และสามารถป้องกันอันตรายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วได้ โดยกระแสไฟฟ้ารั่วจะไหลผ่านสายดิน และไหลลงไปในดิน แทนที่จะไหลเข้าร่างกายของมนุษย์ที่อาจจะก่อให้เกินอันตราย หรือทำให้เสียชีวิตได้ โดยสายดินจะมี 2 องค์ประกอบสำคัญ ดังนี้ สายตัวนำไฟฟ้า และหลักดิน
หลักดิน มีลักษณะเป็นแท่งโลหะที่ฝังลงในดินเพื่อเป็นตัวเชื่อมสายตัวนำไฟฟ้าจากเมนสวิตซ์เข้ากับหลักดิน โดยหลักดินห้ามใช้อะลูมิเนียมหรือโลหะผสมอะลูมิเนียมเป็นหลักดิน
การเลือกสายดิน หรือขนาดของสายกราวด์ จะต้องมีลักษณะทางกายภาพเป็นสายไฟชนิดแกนเดียว ภายในสายจะต้องประกอบด้วยลวดตัวนำที่ทำมาจากทองแดง และหุ้มด้วยฉนวน PVC โดยสายดินจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆดังนี้
- สายดินที่ใช้ในวงจรย่อยซึ่งต่อมาจากเต้ารับ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า
- สายสำหรับต่อหลักดิน เป็นสายที่ต่อสายดินย่อยๆรวมกัน
มาตรฐานสายต่อหลักดินตาม ว.ส.ท. สายที่ต่อจากหลักดินมายังจุดต่อหลักดิน (ground bus) หรือต่อจากหลักดิน มายัง ground bus ในตู้ consumer unit โดยตรง
มาตรฐานสายดินของบริภัณฑ์ไฟฟ้าตาม ว.ส.ท. สายดินที่เดินไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า(บริภัณฑ์ไฟฟ้า)
แท่งหลักดินที่ดีควรทำมาจากแท่งเหล็กที่หุ้มด้วยทองแดง แท่งทองแดง หรือแท่งเหล็กที่หุ้มด้วยสังกะสี โดยมาตรฐานของแท่งหลักดินถูกกำหนดไว้ว่าต้องมีมาตรฐานเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า ⅝ นิ้วและมีความยาวไม่ต่ำกว่า 2.40 m.