ประเภทของหลอดไฟมีทั้งหมด 7 ประเภท ด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
-หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือเรียกอีกอย่างว่า หลอดเรืองแสง จะให้ความสว่างเยอะกว่าหลอดไส้ 5
เท่า และมีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้ถึง7-8 เท่าตัว ภายในตัวหลอดจะมีไส้โลหะทังสเตนที่ใส่ปรอทไว้ และพอกระแสไฟฟ้าไหลผ่านปรอท ก็จะมีรังสีอัลตาไวโอเลต กระทบกับสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ ทำให้หลอด เปล่งแสงสว่างออกมา สามารถใช้งานได้ถึง600-2000 ชั่วโมง
-หลอดไส้ หรือหลอดดวงเทียน เพราะมีแสงสีแดง เหมือนแสงเทียน โดยมีทั้งแบบแก้ว และ ฝ้า สำหรับไส้หลอดทำมาจากทังสเตนที่ให้ความร้อนสูง การทำงานก็คือ เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านหลอด จะเปลี่ยนเป็นความร้อน จนทำให้มีแสงสว่างออกมา แต่ว่าหลอดชนิดนี้ถ้าความร้อนสะสมมากๆ จะกินไฟ และอายุการใช้งานก็จะน้อยลงด้วย
-หลอดฮาโลเจน ที่ถูกพัฒนาจากหลอดไส้ และใช้ก๊าซฮาโลเจนใส่อยู่ข้างใน ทนกว่าหลอดไส้ธรรมดา ให้ค่าความถูกต้องของสี 100% สามารถใช้กับพื้นที่ต้องการแสงสว่างเยอะ โดยอายุการใช้งานของหลอดชนิดนี้จะอยู่ที่ 1500-3000 ชั่วโมง
-หลอดเมทัลฮาไลด์ เป็นหลอดที่มีความเข้มแสงสูง โดย Arc ไฟฟ้า จะวิ่งผ่านก๊าซในโคมไฟ บวกกับแรงดันสูงของ ปรอท อาร์กอน รวมถึงตะกั่ว จึงทำให้เกิดสีสันและความสว่างเกิดขึ้น เหมาะกับการใช้ในสนามกีฬา ไฟส่องอาหาร เพื่อต้องการความสวยงาม ใช้งานได้มากถึง2400 ชั่วโมง
-หลอดตะเกียบ หรือหลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ มีทั้ง แบบมีบัลลาตต์ในตัว และที่อยู่ภายนอก ซึ่งจะมีรูปร่างแตกต่างกันไปทั้ง แบบหลอด,แบบเกลียว หรือแบบสี่แถว ซึ่งจะใช้งานไดนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์
-หลอดไฟไอปรอท หรือ หลอดแสงจันทร์ จะใช้ไฟฟ้าสูง โดยกระโดดผ่านไอปรอทที่อยู่ในหลอด
ทำให้เกิดแสงสว่าง ใช้งานได้นาน ค่าความถูกต้องของสีต่ำ ทำให้มีแสงสีขาวเข้มมาก เหมาะกับการใช้ในโรงงาน และโกดัง
-หลอดLED ถูกพัฒนาจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งการทำงานของหลอดชนิดนี้ จะให้ความสว่างจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในสารกึ่งตัวนำ โดยหลอดLED ไม่มีการเผาไส้หลอด จึงทำให้ได้รับความนิยมมากๆ อายุการใช้งานนานถึง 5000 ชั่วโมง วัตต์น้อย แต่ให้แสงสว่างมาก ไม่มีสารUV ถนอมสายตา ให้ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม