หลายคนคงสงสัยว่าเครื่องประหยัดไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้านั้นช่วยประหยัดค่าไฟจริงหรือไม่ โดยหลักการแล้วตัวเครื่องจะมีหลักการทำงานโดยการลดการสูญเสียพลังงานในรูปแบบความร้อน เนื่องจากแก้ไขการเคลื่อนไหลของกระแสไฟฟ้า ตามทฤษฎี การสูญเสียพลังงานความร้อนจากความต้านทานทางไฟฟ้าโดยการลดการสูญเสียพลังงาน หรือทำให้เกิดการใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
- ตัวเก็บประจุ (Capacitor) หรือ เครื่องประหยัดไฟฟ้าที่ช่วยปรับลดค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ เป็นอุปกรณ์ทางเทคนิค ซึ่งเมื่อติดต้ังแล้วจะสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าในส่วนของค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ที่การไฟฟ้านั้น เรียกเก็บ อย่างไรก็ตามการไฟฟ้าเรียกเก็บค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์จากผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ หรือกิจการเฉพาะเท่านั้น หากเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านที่อยู่อาศัยหรือกิจการขนาดเล็กจะ ไม่ได้รับประโยชน์จากการติดต้ังอุปกรณ์ประเภทนี้เนื่องจากไม่ได้ถูกเรียกเก็บค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์
- เครื่องประหยัดไฟฟ้าที่ทํางานโดยการปรับลดระดับแรงดัน หลักการทํางานของอุปกรณ์ประเภทนี้คือ ปรับลดระดับแรงดันที่จ่ายให้อุปกรณ์ไฟฟ้า แต่ยังคงให้อยู่ในระดับที่อุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถทํางานได้ เมื่อ อุปกรณ์ไฟฟ้าได้รับแรงดันลดลงจะส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลงด้วย อย่างไรก็ตามการปรับลดระดับ แรงดันจะทําให้ความสามารถในการทํางานของอุปกรณ์ไฟฟ้าลดลงไปด้วย ตัวอย่างเช่น ความสว่างจาก หลอดไฟจะลดลง อุณหภูมิน้ําจากเครื่องทําน้ําร้อนจะลดลง หรือแรงลมจากพัดลมจะลดลง เป็นต้น นอกจากนั้นหลักการดังกล่าวยังไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ทุกประเภท อุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะลดลงเมื่อระดับแรงดันลดลง ได้แก่ หลอดไฟแบบมีไส้ หลอดไฟฟลูออเรสเซนท์ เครื่องทํานํ้าร้อน พัดลม ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภท คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ หลอดไฟแอลอีดี เตาไมโครเวฟ กาต้มน้ําร้อน ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลง ตามระดับแรงดันที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่อย่างใด
จะเห็นได้ว่าเครื่องประหยัดไฟฟ้านั้นสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าได้จริง แต่จะสามารถประยุกต์ใช้กับผู้ใช้ไฟฟ้าและ อุปกรณ์ไฟฟ้าได้เพียงบางประเภทเท่าน้ัน และอาจส่งผลให้ความสามารถในการทํางานของอุปกรณ์ไฟฟ้าลดลงด้วย