ถ้าเกิดว่าเราพบเห็นผู้ที่ประสบเหตุอันตรายจากไฟฟ้าแล้ว.. เราจะทำอย่างไร.. วันนี้มาดูกันว่าวิธีที่จะช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุอันตรายจากไฟฟ้านั้น มีวิธีอะไรกันบ้าง..
การช่วยเหลือให้พ้นจากกระแสไฟฟ้า ดังนี้
- ต้องตัดกระแสไฟฟ้าก่อน โดยปลดสวิตช์ คัทเอาท์ หรือเต้าเสียบออก
- หากตัดกระแสไฟฟ้าไม่ได้ ให้หาไม้แห้งๆ หรือวัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้า มาใช้ในการปัดสิ่งที่มีกระแสไฟฟ้าออกไปให้พ้นทั้งตัวเราและผู้ที่ได้รับอันตรายก่อน
- ให้ใช้ผ้าหรือเชือกเเห้งๆ คล้องแขนขาหรือลำตัวของผู้ที่ถูกไฟฟ้าดูด แล้วดึงหรือลากออกไปให้พ้นสิ่งที่มีกระแสไฟฟ้า แต่หากผู้ที่ถูกไฟดูดจนหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลให้ฟื้นต่อไป
การช่วยเหลือด้วยวิธีปฐมพยาบาล มีดังนี้
- หากหัวใจของผู้ที่ได้รับอันตรายนั้นหยุดเต้น ควรทำการตรวจโดยเอาหูแนบฟังที่หน้าอกหรือจับชีพจรก่อน และให้ใช้วิธี นวดหัวใจภายนอก โดยเอามือกดตรงที่ตั้งหัวใจให้ยุบลงไป 3 – 4 เซนติเมตร เป็นจังหวะๆ เท่าจังหวะการเต้นของหัวใจ ผู้ใหญ่วินาทีละ 1 ครั้ง เด็กเล็กวินาทีละ 2 ครั้ง นวด 10 – 15 ครั้ง
- หากไม่หายใจ ควรทำการตรวจโดยดูการขยายของซี่โครงและหน้าอก และให้ใช้วิธีการเป่าลมเข้าไปทางปากหรือทางจมูกของผู้ป่วย หรือเรียกอีกอย่างว่าการเป่าปาก โดยให้จับผู้ป่วยนอนหงาย ใช้หัวแม่มือง้างปลายคางของผู้ป่วยให้ปากอ้าออก แต่หากมีเศษอาหารหรือวัสดุใดๆ ให้ทำการล้วงออกให้หมด แล้วจับศีรษะให้เงยหน้ามากๆ จากนั้นผู้ช่วยเหลือต้องอ้าปากแล้วประกบปากกับผู้ป่วยให้สนิท แล้วจึงเป่าลมเข้าไปอย่างแรงจนปอดของผู้ป่วยขยายออกหรือซี่โครงและหน้าอกพองขึ้น แล้วปล่อยให้ลมหายใจของผู้ป่วยออกเอง ทำเช่นนี้หลายๆ ครั้งจนกว่าผู้ป่วยจะได้สติ ทำเป็นจังหวะๆ เท่ากับจังหวะหายใจปกติ ผู้ใหญ่นาทีละ 12 – 15 ครั้ง เด็กเล็กนาทีละ 20 – 30 ครั้ง แต่ถ้าเป่าปากไม่ได้ ให้ปิดปากผู้ป่วยแล้วเป่าลมเข้าไปในทางจมูกแทน ถ้าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นและไม่หายใจด้วยแล้ว ให้นวดหัวใจสลับกับการเป่าปาก ถ้ามีผู้ช่วยเหลือเพียงคนเดียวก็ให้เป่าปาก 2 ครั้ง สลับกับการนวดหัวใจ 15 ครั้ง หรือถ้ามีผู้ช่วยเหลือสองคน ก็ให้นวดหัวใจสลับกับการเป่าปากเป็นทำนองเดียวกัน โดยเป่าปาก 1 ครั้ง นวดหัวใจ 5 ครั้ง โดยการปฐมพยาบาลนี้ ต้องควรที่จะรีบทำทันที หากช้าเกินกว่า 4 – 6 นาที โอกาสที่ผู้ป่วยจะฟื้นนั้น อาจมีน้อย ขณะพาส่งแพทย์ก็ควรทำการปฐมพยาบาลไปด้วยตลอดเวลา
นอกจากวิธีการช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุอันตรายจากไฟฟ้าแล้ว สิ่งที่ต้องทำด้วยคือ ควรโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาช่วยเหลือ หรือนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด.. #by changfidotcom